โครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการออนไลน์ (Work Shop) ในรูปแบบการจัดกิจกรรม “แชร์วงคุย บอกกล่าวประสบการณ์ สู่การเรียนรู้ของตน” ภายใต้ชื่องาน “เปิดมุมมองการทำสื่อให้ดัง ปังทุกแพลตฟอร์ม” โดยมี นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวเปิดงาน และ นายณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและการตลาดดิจิทัล คอลัมนิสต์ พร้อมด้วย นายธีมะ กาญจนไพริน (จั๊ดซัดทุกความจริง) ผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่และพิธีกร ช่อง One และ นายกฤชอรรณัฐ แสงโชติ Digital Content Manager เพจ “อีจัน” สำนักข่าวออนไลน์ ร่วมเป็นวิทยากร
ในการแลกเปลี่ยนมุมมอง และชวนกันคิดเพื่อพัฒนารูปแบบการสื่อสารในประเด็นลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารในรูปแบบและแพลตฟอร์มใหม่, การปรับตัวของสื่อและแนวทางการนำเสนอเนื้อหาและการสื่อสารให้น่าสนใจ (Content & Communication Trend) พร้อมเปิดเวทีพูดคุยในประเด็น “ปรับตัวอย่างไร เมื่อสื่อมีทางเลือกหลายแพลตฟอร์ม” โดยกิจกรรมดังกล่าวมีผู้บริหาร ผู้ประกอบการ และทีมผลิตสื่อเคเบิลท้องถิ่นภายใต้การทำงานของเครือข่ายสื่อเคเบิลสุขภาวะจำนวนกว่า 10 สถานีเข้าร่วมรับการอบรม ร่วมกับเครือข่ายสื่อเชิงประเด็นลดปัจจัยเสี่ยงของ สสส. ทั้งประเด็นเหล้า บุหรี่ การพนัน และอุบัติเหตุ ผสานพลังเข้ารับการอบรมในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้นกว่า 70 คน
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า สื่อเคเบิลทีวี เครือข่ายช่วยสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ข่าวสารกิจกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของ สสส. และเครือข่ายภาคีออกสู่ภาคประชาสังคม แต่จากบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป การนำเสนอรูปแบบสื่อจึงจำเป็นต้องปรับให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เหตุนี้ สสส.จึงจัดให้มีโครงการดังกล่าวขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพสื่อเคเบิลท้องถิ่นเข้าสู่เครือข่ายสื่อสุขภาวะที่มีความรู้ความสาสมารถในการสร้างสรรค์ และผลิตเนื้อหา (Content) ให้มีรูปแบบหรือเทคนิคการนำเสนอชวนติดตาม และเพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานระหว่างคนทำสื่อเคเบิล ร่วมกับสื่อออนไลน์ หรือสื่อข้ามแพลตฟอร์มต่างๆ
กิจกรรมดังกล่าวช่วยพัฒนาศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์การนำเสนอประเด็น รวมไปถึงเทคนิคการทำสื่อในยุคการเปลี่ยนผ่านจากระบบเคเบิลสู่ระบบดิจิทัลทีวี และในทุกแพลตฟอร์มได้อย่างเข้าใจและเหมาะสมกับโลกยุคดิจิทัลดิสรัปชัน (Digital Disruption) และวิถีชีวิตใหม่ (New Normal)
นางสาวรุ่งอรุณ กล่าวด้วยว่า สื่อเคเบิลทีวีเป็นสื่อสารความเคลื่อนไหวในชุมชนและท้องถิ่นของตนเอง การพัฒนาศักยภาพสู่ “เครือข่ายสื่อสุขภาวะ” ที่นำเสนอองค์ความรู้ และรณรงค์ปรับเปลี่ยนทัศนคติสู่การมีพฤติกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดี ลดพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม ในแนวคิด “คนบ้านเดียวกันพูดจาภาษาเดียวกัน”
“แต่ละพื้นที่จะมีบริบทที่แตกต่างกัน เคเบิลทีวีจะเข้าใจและเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้อย่างใกล้ชิด จึงจะเป็นอีกเครือข่ายสื่อที่สำคัญของ สสส.ในการช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสังคม โดยช่วยรณรงค์ขับเคลื่อนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในท้องถิ่นได้ โครงการนี้จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะส่งเสริมศักยภาพสื่อในการพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างตรงความต้องการของคนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป” นางสาวรุ่งอรุณกล่าวในตอนท้าย
ด้าน นายณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและการตลาดดิจิทัลและในฐานะวิทยากร กล่าวความตอนหนึ่งว่า แม้ในยุค digital disruption ที่มีการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงของสื่อที่สำคัญ แต่หากวิเคราะห์โดยถ่องแท้แล้ว “สื่อ” ก็ยังต้องขับเคลื่อนโดย “คน” ไม่ใช่ “เทคโนโลยี” ดังนั้น เราต้องดูกลุ่มเป้าหมาย (Target) ว่าเราต้องการสื่อสารหรือพูดกับใคร ทั้งนี้ เพื่อให้ตรงความต้องการ อยู่ในความสนใจและเป็นที่น่าเชื่อถือของกลุ่มเป้าหมายนั้น เพราะถ้าสื่อก๊อปปี้ หรือเห็นคนอื่นทำแล้วก็ทำตามๆ กันโดยไม่ศึกษาเรื่องกลุ่มผู้ชม ก็จะเป็นการสื่อสารที่ไม่ตรงเป้าหมาย จึงต้องชัดเจนว่าเราต้องการสื่อไปยังกลุ่มเป้าหมายใด ทั้งนี้ ในการสื่อสารอาจแบ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก และกลุ่มเป้าหมายรองได้
โดยจะมีเทคนิคหรือ tactic ในการสื่อสารไปยังแต่ละกลุ่มที่ไม่เหมือนกัน เพราะปัจจุบัน content มีมากมายจนล้น คนจะเลือกเสพสื่อที่ตรงกับที่เขาต้องการ ดังนั้น หากต้องการให้เขาดูเราต้องทำ Content ให้ตรงใจเขา และต้องเข้าถึงได้ง่าย ที่สำคัญ ต้องมีคุณค่าต่อกลุ่มเป้าหมายนั้นด้วย โดยส่วนตัวมองว่า การทำสื่อ หรือการสื่อสารในประเด็นการสร้างเสริมสุขภาพ หรือรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ เป็นเนื้อหา (Content) ที่สนองความต้องการพื้นฐานของผู้ชมอยู่แล้ว เพราะเป็นประโยชน์ และทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น แต่การจะดึงดูดให้น่าสนใจหรือชวนติดตามนั้นอาจต้องมีการผสมผสานเชิงเทคนิคการเล่าเรื่อง การนำเสนอ ให้เข้ากับเอกลักษณ์ของสื่อเองหรือตรงกับกลุ่มผู้ชมของสื่อนั้นๆ เป็นสำคัญ