xs
xsm
sm
md
lg

วช.หนุน ม.แม่ฟ้าหลวงประดิษฐ์เครื่องมือแพทย์จากข้าว กระดูกสัตว์ ครั้งแรกของโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรติดอันดับต้นๆ ของโลก เช่น ข้าวเจ้า มันสำปะหลัง และยางพารา แต่เกษตรกรไทยกลับยากจน เพราะสินค้าเกษตรเป็นสารอินทรีย์ทำให้เกิดการบูดเน่า เสียหายเร็ว จึงถูกกดราคา ทางออกคือ การนำมาแปรรูปวัตถุดิบจากต้นน้ำ ให้สามารถเก็บและถนอมคุณสมบัติพื้นฐานได้นานขึ้น เช่น การเติมสารกันบูด หรือการนำมาแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารและเภสัชกรรม รวมถึงการเพิ่มมูลค่าระดับสูง ด้วยการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ความสำคัญต่อการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร จึงได้ให้การสนับสนุนนักวิจัยจากสถาบันต่างๆ และยังได้ให้การสนับสนุนการวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทำการวิจัยพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์จากวัตถุดิบทางการเกษตรไทย 


นายแพทย์ สิทธิพร บุณยนิตย์ หัวหน้าโครงการวิจัย
นายแพทย์ สิทธิพร บุณยนิตย์ หัวหน้าโครงการวิจัย อาจารย์สำนักวิชาแพทยศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มวิจัยนวัตกรรมชีววัสดุและเครื่องมือแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เล่าว่า ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ทำการวิจัยพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์จากวัตถุดิบเกษตรไทย โดยเลือกข้าวเจ้า และกระดูกสัตว์มาประดิษฐ์คิดค้นสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือแพทย์ ที่ได้มาตรฐานตามกำหนดขององค์กรผลิตเครื่องมือแพทย์นานาชาติ

ทั้งนี้ ที่เลือกข้าวเจ้าและกระดูกสัตว์เป็นวัตถุดิบตั้งต้น เพราะข้าวเจ้ามีองค์ประกอบหลัก 80% เป็นแป้งคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยสลายได้หมดสิ้นภายในร่างกายมนุษย์ การนำข้าวเจ้ามาแปรรูปเป็นวัสดุชนิดฟองน้ำให้ศัลยแพทย์ใช้ห้ามเลือดในห้องผ่าตัดแบบไร้เชื้อ ด้วยหลักการดูดซับของเหลวเข้าสู่ข้างในเนื้อชิ้นงาน เกิดมีน้ำหนักสูงขึ้นกว่าน้ำหนักแห้ง 30 เท่า ใช้กดทับหยุดเลือดที่กำลังรินไหลจากบริเวณความดันต่ำ เช่น หลอดเลือดดำ หรือหลอดเลือดฝอย เมื่อปล่อยทิ้งชิ้นงานไว้กับที่เนื้อเยื่อร่างกายก็สามารถย่อยสลายสมบูรณ์ได้ใน 3 สัปดาห์ และก่อปฏิกิริยาอักเสบตามธรรมชาติที่น้อยกว่า


นายแพทย์ สิทธิพร กล่าวว่า ในส่วนของกระดุมโชติกา ซึ่งผลิตมาจากกระดูกสัตว์ 70% เป็นแร่ธาตุแคลเซียมฟอสเฟตไฮดรอกไซด์ ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลเช่นเดียวกับกระดูกมนุษย์ กระดูกวัวแปรรูปเป็นกระดูกเทียม ใช้รักษาซ่อมแซมเติมเต็มช่องว่างในกระดูกผู้ป่วยที่บาดเจ็บเสียหายรุนแรงจนไม่อาจซ่อมแซมได้ด้วยตนเอง เช่น กระดุมปิดตรึงกะโหลกศีรษะ แท่งผงเม็ดสำหรับเติมเต็มโพรงที่แหว่งโหว่ กระดูกเทียมจะเป็นโครงสะพานนำร่องให้กระดูกใหม่ที่มีชีวิตมาเชื่อมต่อกันโดยสนิท

สำหรับ การผลิตชีววัสดุจากข้าวเจ้าและกระดูกสัตว์ ซึ่งสามารถดำเนินการประดิษฐ์คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ไทย และเป็นเครื่องมือแพทย์ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขององค์กรผลิตเครื่องมือแพทย์นานาชาติ ได้รับการรับรองจากกองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขไทย ว่ามีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง ปลอดภัย ต่อผู้ป่วยและมีประสิทธิภาพเชิงการใช้งานจริง อีกทั้งมีคุณภาพที่ดีขึ้น และราคาถูกลง เมื่อเทียบกับสินค้าชนิดเดียวกันจากต่างประเทศ


วัสดุห้ามเลือดชนิดฟองน้ำ ประเทศไทยมีสถิติการใช้งานประมาณ 200,000 ชิ้นต่อปี ทั้งหมดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ชิ้นละประมาณ 400 บาท มีมูลค่ารวม 80 ล้านบาทต่อปี ส่วนฟองน้ำข้าวเจ้าห้ามเลือดของไทยมีราคาชิ้นละ 200 บาท สามารถลดการขาดดุล 40 ล้านบาทต่อปี ส่วนกระดุมยึดตรึงกะโหลก สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ผลิตจากโลหะไทเทเนียม ราคา 3,000 บาทต่อคู่ (2 ชิ้น) ทั้งประเทศใช้งานประมาณ 20,000 คู่ต่อปี คิดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาท ส่วนกระดุมกระดูกวัว ของไทยราคาคู่ละ 150 บาท ถูกกว่า 20 เท่า

ส่วนความพิเศษของกระดุมกระดูกวัวที่ทำมาจากกระดูกเทียม เมื่อใช้งานเชื่อมตรึงกะโหลกศีรษะผู้ป่วยจนสำเร็จ ร่างกายก็จะสร้างกระดูกใหม่ที่มีชีวิตมาเชื่อมติดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ในขณะที่สินค้าจากต่างประเทศทำมาจากโลหะ ก็จะเป็นวัสดุแปลกปลอมที่อยู่กับที่ตลอดกาล และมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น อนุภาคโลหะสึกกร่อนออกมาทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างของผู้ป่วยอักเสบจนเจ็บปวดรุนแรง หรือหลุดออกไปตกค้างในอวัยวะภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น ม้าม หรือตับ แล้วกระตุ้นปฏิกิริยาก่อมะเร็งได้


การประดิษฐ์นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์จากวัตถุดิบเกษตรไทยนี้ จึงนับเป็นเทคโนโลยีของคนไทยที่เกิดเป็นครั้งแรกในโลกและในประเทศไทย ที่ใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีของไทยที่มีราคาถูกกว่าของต่างประเทศมาก ในรูปแบบเศรษฐกิจเชิงสารอินทรีย์ ขยะเป็นสูญ และปลอดมลภาวะ หากมีการยอมรับจากผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นก็จะสามารถลดงบประมาณการนำเข้าและเพิ่มการส่งออกได้ปีละหลายร้อยล้านบาท ส่วนอนาคต การค้นคว้าเพื่อแปรรูปวัตถุดิบเกษตรไทยชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็น มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย น้ำมันปาล์ม เปลือกหอย เห็ดรา ผลไม้ หรือสมุนไพร ฯลฯ

นายแพทย์ สิทธิพรกล่าวว่า ขณะนี้กำลังหาความร่วมมือกับพันธมิตรภาคเอกชนที่มีกำลังการผลิตระดับอุตสาหกรรม และมีเครือข่ายตลาดเชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุมทั้งในประเทศ ในระดับ ASEAN ASIA และทั่วโลก ระดมทุนยกระดับขีดความสามารถด้านการผลิต จนมีการได้รับมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ระดับสากลให้เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ เช่น GMP GDPMD ISO CE FDA เป็นต้น


ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า การแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติ คือข้าวเจ้า และกระดูกสัตว์ให้กลายเป็นชีววัสดุสำหรับใช้งานทางการแพทย์นี้ ถือเป็นงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือแพทย์ฝีมือคนไทยที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร เปลี่ยนแปลงเป็นสินค้าที่มีคุณภาพชั้นสูงขายได้ราคาแพง ลดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ลดงบประมาณการนำเข้าเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศได้อย่างดีอีกด้วย

คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น