โรค “ลำไส้แปรปรวน” หรือ “IBS” โรคที่พบได้บ่อยในระยะหลัง เพราะเกิดจากไลฟ์สไตล์อาหารการกิน และการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ความเครียด นอนไม่เป็นเวลา ฯลฯ และปัจจุบันโรคลำไส้ไม่ได้เกิดแต่วัยผู้ใหญ่ แม้แต่เด็กอายุน้อยๆก็พบว่าเป็นโรคลำไส้ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโรคที่พบได้มากเป็นอับดับ 2 รองจากไข้หวัด
โดยลำไส้แปรปรวนเป็นโรคเรื้อรังและรบกวนการใช้ชีวิต เกิดอาการ ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ปวดท้อง ขับถ่ายไม่เป็นปกติ แม้กระทั่งอาการที่ไม่ได้เกี่ยวกับลำไส้ อย่างเช่น แสบแน่นกลางอก ปัสสาวะบ่อย หรือแม้กระทั่งปวดประจำเดือน ฯลฯ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม และสภาพจิตใจร่วมด้วย ซึ่งหากปล่อยไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นบ่อเกิดแห่งโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ง่าย
การป้องกันโรคลำไส้ โดยการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยใช้จุลินทรีย์ในลำไส้ เพราะภายในลำไส้ประกอบด้วยจุลินทรีย์มากกว่า 5,000 สายพันธุ์ จำนวนมหาศาล โดยบางจำพวกจะช่วยย่อยอาหาร ช่วยดูดซึมสารอาหารซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจุลินทรีย์จะให้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว เพราะลำไส้มีทั้งจุลินทรีย์ก่อประโยชน์และจุลินทรีย์ที่ไม่ก่อประโยชน์ปะปนกัน หากขาดสมดุลมีปริมาณจุลินทรีย์ไม่ดีมากไป ก็จะทำให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วยได้ และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำ คือการสร้างสมดุลที่ดีของลำไส้
ทั้งนี้ ด้วยความเร่งรีบในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ การที่จะต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้ครบทุกมื้อจึงเป็นเรื่องยาก ในวงการสุขภาพจึงได้มีการคิดค้น หาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน เริ่มตั้งแต่วิธีธรรมชาติอย่างการปรับพฤติกรรมการกิน เพราะพบว่าในอาหารบางชนิดมีจุลินทรีย์ที่เรียกว่า “โปรไบโอติก” เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทนม โยเกิร์ต กิมจิและนัตโตะ เป็นต้น
โดยอาหารดังกล่าว จะมีแบคทีเรีย 3 สายพันธุ์หลัก คือ แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ลดอาการภูมิแพ้ สายพันธุ์บิฟิโดแบคทีเรียม(Bifidobacterium) ช่วยในการปรับสมดุลและบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของลำไส้ และสายพันธุ์เอนเทอโรคอคคัส (Enterococcus) ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จึงมีการพัฒนานำโปรไบโอติกมาเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้น
ปัจจุบันมีพัฒนาเทคโลยี เพื่อสุขภาพ มาช่วยแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น แล็บวิจัยของ Dr. Guen Eog Ji (Dr.G) จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ทุ่มงบและเวลาในการวิจัยค้นคว้าด้านโปรไบโอติก ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย มาตั้งแต่ปี 1988 ถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 30 ปี จนมีงานวิจัยรองรับกว่า 250 ชิ้น ตีพิมพ์วารสารวิชาการกว่า 100 ฉบับ และจดสิทธิบัตรมากกว่า 40 สิทธิบัตร และได้รับการยอมรับจาก สมาคม INNO-BIZ ว่ามีประสบการณ์และความชำนาญดีที่สุดด้านอุตสาหกรรม Probiotic จนได้มาเป็น “Dr.G Bifidus” นวัตกรรมใหม่รวบรวมโปรไบโอติกที่ดีที่สุด 4 สายพันธุ์ (Strain) พร้อมผสานเทคโนโลยีพรีไบโอติก สารอาหารที่จะช่วยให้โปรไบโอติกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เรียกว่าซินไบโอติก (Synbiotic)
สำหรับ จุดเด่นของ Dr.G Bifidus คือ สายพันธุ์โปรไบโอติก B. bifidum BGN4 ซึ่งมีคุณสมบัติในการยึดเกาะผนังลำไส้สูง ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ยับยั้งอาการลำไส้แปรปรวน ปรับสมดุลทางอารมณ์ ป้องกันโรคภูมิแพ้ และสายพันธุ์ B. longum BORI ร่วมกับ L. acidophilus AD031 ที่ช่วยต่อต้านไวรัสโรตาหรือโรคอุจจาระร่วงและอาเจียน โดยเฉพาะใน ‘เด็ก’ ยับยั้งอาการท้องผูก ท้องร่วง นอกจากนี้ยังมี Zinc และวิตามินซี ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณแข็งแรง กระจ่างใส ลดการอักเสบของผิวหนัง เป็นดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอก
ส่วนนวัตกรรมของ Dr.G Bifidus จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของลำไส้ ช่วยปรับสมดุลของลำไส้ให้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ และยังสะดวกต่อการรับประทาน เพราะถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบผง ทานแบบผสมน้ำหรือไม่ต้องผสมน้ำก็ได้ ได้รับการรองรับจาก US FDA GRAS มาตรฐานที่รับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือจากทั่วโลกและในวันนี้ โอกาสนี้ก็ได้เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว กับผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกที่ได้รับการทดลองวิจัย และผ่านมาตรฐานระดับโลกจนได้ตรา World Class Product
ด้วยเหตุนี้ ทาง “ปิยธิดา บำรุงรักษ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะนาไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท คร่ำหวอดในวงการสุขภาพมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลร่างกายจากภายใน โดยเฉพาะการนำเข้าผลิตภัณฑ์ระดับโลกมาสู่คนไทย ร่วมกับ ภก.ณัฐชาศิษฐ์ พงษ์เขตกิจ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านโปรไบโอติกที่มีประสบการณ์ นำเข้าผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกสูตรเฉพาะ จากศาสตราจารย์ Dr.G ที่โด่งดังในด้านโปรไบโอติก จากประเทศเกาหลีใต้ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศ ที่ 24 ของโลก จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Dr.G Bifidus โปรไบโอติก โดยทางบริษัทได้มีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้าไปจำหน่าย ผ่านช่องทาง คลินิก โรงพยาบาล รวมไปถึงห้างร้าน ทั้งช่องทาง Offline และ Online เพื่อกระจายไปสู่ตลาด
สนใจ สอบถามรายละเอียด และสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ https://nathailand.online/product/dr-g-bifidus/
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
SMEs manager