ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาทักษะด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) และโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
เป้าหมายของความร่วมมือคือการส่งเสริมศักยภาพครูผู้สอนและบูรณาการหลักสูตรการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project based Learning) ในการจัดการเรียนการสอนด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Robotics and AI) ภายใต้หลักการที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง (STEM Education) นอกจากนี้ รมช.ศธ. ยังเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการ ACT AI Lab ซึ่งเป็นพื้นที่ในการเรียนรู้และต่อยอดทักษะด้าน AI ของนักเรียนอีกด้วย
ภราดา ดร.ชำนาญ เหล่ารักผล ผู้อำนวยการ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี (ACT) กล่าวว่า โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมเด็กไทยให้มีทักษะที่จำเป็นและสอดคล้องกับแนวโน้มของพัฒนาการทางด้านสังคมในศตวรรษที่ 21 ด้วยเหตุนี้ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีจึงมีแนวคิดที่จะสร้างหลักสูตรและรูปแบบการสอน โดยบูรณาการศาสตร์ทางด้านวิทยาการหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เข้ามาประยุกต์รวมกับหลักสูตรการเรียนการสอนปกติ เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีด้วยการลงมือปฏิบัติจริง (learning by doing)” ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ด้านเนื้อหาทฤษฎี
ด้วยแนวคิดดังกล่าว โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีจึงได้จัดทำโครงการ “ACT CREATIVE AND INNOVATIVE LEADER” กิจกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการทำงานร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ในการพัฒนาต้นแบบสื่อการเรียนการสอนสำหรับใช้ในหลักสูตรเชิงบูรณาการเพื่อการเรียนรู้แบบโครงการ รวมถึงการจัดอบรมเสริมสร้างความรู้พื้นฐานที่จำเป็นให้แก่ครูกว่า 40 คน เพื่อให้ครูเข้าใจการบูรณาการศาสตร์ทางด้านการเขียนโปรแกรมและเทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในหลายมิติ
ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างเอ็มเทคกับโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีในการพัฒนาต้นแบบสื่อการเรียนการสอนและหลักสูตรเชิงบูรณาการสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 นับเป็นมิติใหม่ในการวางรากฐานการปฏิรูปการเรียนการสอนแบบ STEM Education อย่างเป็นรูปธรรม
ทีมวิจัยจากกลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ มีแนวคิดในการนำเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์ ระบบเซ็นเซอร์และปัญญาประดิษฐ์มาบูรณาการกับหลักสูตรการสอนปกติ โดยการพัฒนาต้นแบบสื่อการเรียนการสอน Garden of STEM ซึ่งเป็นต้นแบบที่นักเรียนสามารถเรียนรู้การปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) ทำให้สามารถควบคุมปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชรวมถึงปริมาณน้ำ ปุ๋ย ความชื้น อุณหภูมิ และย่านแสง RGB ได้ตามเงื่อนไขการออกแบบการทดลอง
สื่อการเรียนการสอนนี้เปิดโอกาสให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้มีโอกาสเรียนรู้ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช โดยการเก็บข้อมูลจากระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ นักเรียนจะได้เรียนรู้ทักษะการเขียนโปรแกรม การนำเซ็นเซอร์ชนิดต่างๆ มาตรวจวัดและจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ทำให้เข้าใจถึงประโยชน์และวิธีการในการนำเทคโนโลยีมาใช้เสริมสร้างธุรกิจในชุมชน การเรียนรู้นี้ยังเป็นผลดีที่จะกระตุ้นให้มีความคุ้นเคยที่จะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำการเกษตรอัจฉริยะ (smart farming) ตั้งแต่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลต่อการเพิ่มศักยภาพการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเกษตรสมัยใหม่ ซึ่งจะเป็นการยกระดับความสามารถในการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการเกษตรในระยะยาว
ผลงานต้นแบบอีกอย่างหนึ่งคือ เครื่องยิงลูกบอลแบบโปรเจกไทล์ (projectile) ซึ่งออกแบบให้นักเรียนได้นำความรู้ทางด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมไฟฟ้า โดยนำความรู้ทางด้านการโปรแกรมไมโครคอนโทรลเลอร์มาผนวกกับการใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนในการเคลื่อนที่แนววิถีโค้งโปรเจกไทล์
ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวว่า ในโอกาสที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. จัดทำโครงการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้แบบโครงงานด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ โดยส่งเสริมครูผู้สอนที่เป็นกำลังหลักในการพัฒนาการศึกษาจากสาขาวิชาต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรใหม่ เป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษา ให้เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันและการทำงานของผู้เรียนในอนาคต รวมถึงหากมองไปข้างหน้าจะพบว่าการส่งเสริมการศึกษาด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ โดยเน้นการปฏิบัติจริงและศึกษาข้อมูลเชิงลึก เป็นการบ่มเพาะเยาวชนและสนับสนุนให้เกิด Deep Tech Innovation ในประเทศไทย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manage