โครงการ “เรียนนอกห้อง ท่องชุมชน” เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากแนวคิด Community Based Tourism ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรมของชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้มาเยือน โดยกิจกรรมต่างๆ จะถูกกำหนดทิศทางโดยชุมชน เช่น อิงจากวิถีชีวิต วัตถุดิบหรือผลผลิตในชุมชน งานประเพณีพื้นถิ่น เป็นต้น ทำให้ชุมชนมีบทบาทความเป็นเจ้าของในการจัดการดูแล และเกิดความยั่งยืนในการสานต่อ โดยในโครงการนี้ได้คัดเลือก 5 ชุมชนภาคกลางนำร่อง เพื่อร่วมออกแบบ Workshop สำหรับเด็กอายุ 3-10 ขวบ โดยเน้นกิจกรรมที่ “เล่นสนุก เรียนกระชับ ลงมือทำจริง” ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดกลุ่มครอบครัวที่มีความใส่ใจในการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัว
นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โครงการ “เรียนนอกห้อง ท่องชุมชน” มีวัตถุประสงค์ที่จะผลักดันให้การท่องเที่ยวชุมชนเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กผ่านประสบการณ์การทำกิจกรรม Workshop ภายในแหล่งท่องเที่ยวชุมชน 5 ชุมชนภาคกลาง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันดีงาม และเสริมศักยภาพด้านสังคม เช่น ทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และพัฒนาความแข็งแรงทางด้านร่างกายและจิตใจ อีกทั้ง ททท.ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง การเดินทางท่องเที่ยวเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวผ่านการเดินทางท่องเที่ยว และเป็นการกระตุ้นรายได้หมุนเวียนทางการท่องเที่ยวภายในชุมชน อันจะนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
“ช่วงเวลาวัยเด็กของลูกเป็นช่วงสำคัญที่ผู้ปกครองควรใช้ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ แม้ว่าปัจจุบันสภาพสังคมจะบีบบังคับให้คุณพ่อคุณแม่ต้องมีภาระการทำงานมากขึ้น แต่การใช้เวลากับลูกให้มีคุณภาพถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญที่ไม่ควรละเลย งานวิจัยหลายเรื่องชี้ชัดว่าเด็กที่มีผู้ปกครองใส่ใจ และใช้เวลาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้เด็กเป็นผู้ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ มีความกล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว มีความเชื่อมั่นในตนเอง รักการผจญภัย ชอบที่จะออกไปค้นหาและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเมื่อโตขึ้นจะมีทักษะทางสังคมที่ดีกว่าเด็กที่ผู้ปกครองไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ การมีกิจกรรมที่สนุกสนาน กระชับ พร้อมได้ออกไปท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ จะเป็นตัวกลางให้ครอบครัวได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน เพื่อบ่มเพาะความทรงจำและช่วงเวลาดีๆ ให้ลูกของคุณมีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ พร้อมเติบโตไปเป็นเด็กที่มีคุณภาพ” คุณประภาพรรณ ชัยวัฒนายน ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท คลาสแคนดี้ จำกัด กล่าวเสริม
สำหรับครอบครัวที่สนใจสามารถเช็กตารางเวลา และสำรองที่นั่ง Workshop ได้ทาง www.classcandy.net โดยค่าใช้จ่ายสำหรับ Workshop อยู่ในราคา 300-500 บาทต่อท่านเท่านั้น โดยครอบครัวที่ต้องการห้องพัก สามารถจองห้องพักราคาพิเศษได้ที่ www.traveligo.com/outingnlearning พิเศษสำหรับทุกครอบครัวที่จอง Workshop ในโครงการฯ ตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2563 จะได้รับ Voucher จากศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรค็อกพิท (Cockpit) ในการตรวจสภาพรถฟรีทันทีทุกสาขา
ทั้งนี้ ต้องขอบคุณโรงเรียนอนุบาลปรางทิพย์ และปรางทิพย์เดย์แคร์ ฟันเนเรี่ยม สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่ที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ โรงเรียนสอนภาษา i-Genuis Kids สาขาไอคอนสยาม เว็บจองที่พัก TraveliGO.com มติชน Academy และโครงการ Thailand Village Academy ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการเรียนนอกห้องท่องชุมชน ข้อมูลเพิ่มเติมโครงการ www.เรียนนอกห้องท่องชุมชน.com
สำหรับ 5 ชุมชนภาคกลางที่ได้รับคัดเลือกเป็นชุมชนนำร่อง ประกอบด้วย
1. หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โฮมสเตย์ไทรน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
กิจกรรมการทำ “ขนมทองเอก และขนมเสน่ห์จันทร์” ขนมไทยมงคลที่น้อยคนจะรู้จัก
2. วิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลถ้ำรงค์ จ.เพชรบุรี
กิจกรรมการทำ “ว่าวจุฬา” การละเล่นไทย และศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านที่หาชมได้ยาก
3. วิสาหกิจชุมชนเพียรหยดตาล ชุมชนนางตะเคียน จ.สมุทรสงคราม
กิจกรรมการทำ “น้ำตาลมะพร้าว” ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา
4. ชุมชนนิเวศน์สันติวนา จ.กรุงเทพมหานคร
กิจกรรมเรียนรู้วิธี “ปลูกผักออร์แกนิก” ตั้งแต่ขั้นตอนการสำรวจแปลงผัก เตรียมดิน ปุ๋ยอินทรีย์
จนลงมือปลูกต้นกล้าด้วยตนเอง
5. กลุ่มพัฒนาอาชีพทำดินสอพอง จ.ลพบุรี
กิจกรรมการทำ “ไข่เค็มดินสอพอง” เรียนรู้และลงมือผลิตดินสอพอง หยอดดินสอพอง พร้อมเรียนรู้การทำไข่เค็มดินสอพองแสนอร่อย
สนใจติดต่อได้ที่ คุณมัลลิกา ผลอนันต์ (เก๋) โทร. 09-5291-9656 Line OA : @outingnlearning