xs
xsm
sm
md
lg

เคล็ดไม่ลับ! ดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับ Google ได้ง่ายๆ แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เว็บไซต์ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นอีกช่องทางที่เปิดให้ผู้บริโภคได้มาเลือกซื้อสินค้า ซึ่งการที่จะทำให้เจอร้านของคุณได้ง่ายบน Google นั้น แน่นอนว่าต้องเป็นเว็บไซต์ที่สะดุดตาชวนให้ผู้บริโภคกดคลิกเข้ามาดูด้วยการขึ้นอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหา

ทำให้หลายธุรกิจหันมาทำ Search Engine Optimization หรือ SEO ซึ่งเป็นวิธีการที่จะช่วยดันอันดับของเว็บไซต์ให้ไปแสดงอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหาบน Google ซึ่งต้องมีขั้นตอนและปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน แต่หากคุณจับทางในการทำ SEO ถูก ก็ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ไม่ยากทางสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) จึงได้นำเทคนิคการทำ SEO ที่ง่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาฝากกัน ดังนี้


Keyword ที่ใช่ช่วยดันเว็บไซต์ได้ : เว็บไซต์ที่ไม่มี Keyword ก็เปรียบเสมือนเว็บไซต์ร้าง ที่ผู้บริโภคไม่สามารถหาร้านของคุณเจอได้ จึงควรนำ Keyword หรือคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและสินค้ามาใส่บนเว็บไซต์ เพื่อให้เสิร์ชเจอบนหน้า Google ได้ง่ายขึ้น โดยวิเคราะห์และเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณ ด้วยวิธีการ ดังนี้

Google Suggest หรือการพิมพ์คำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและสินค้าของคุณ บน Google แล้วดูคำที่ถูกแนะนำในแถบที่แสดงขึ้นมา ซึ่งจะเป็น Keyword หลักที่คุณเขียน พร้อมกับคำขยายที่คนมักค้นหาคู่กัน เพื่อนำคำเหล่านั้นมาใช้บนเว็บไซต์

Google Keyword Planner เครื่องมือค้นหา Keyword ที่จะช่วยค้นหาคำได้มากและละเอียดกว่าแบบแรก โดยช่วยเสนอ Keyword ที่เกี่ยวข้องและใกล้เคียงกับคำที่คุณค้นหา รวมถึงบอกจำนวนครั้งในการค้นหาคำนั้นๆ ในแต่ละเดือนอีกด้วย สามารถใช้งานฟรี ได้ที่ https://ads.google.com/home/tools/keyword-planner/


Content ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง : ผู้ประกอบการหลายคนคงได้ยินคำว่า Content is King กันอยู่บ่อยๆ เพราะการทำ Content ที่ดี มีประโยชน์ และตรงใจผู้บริโภค สามารถช่วยให้เว็บไซต์ติด SEO ได้ ไปจนถึงกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้า ด้วยวิธีการ ดังนี้

เลือกหัวข้อที่ผู้บริโภคสนใจ นอกจาก Content ที่เกี่ยวกับการเสนอขายสินค้าแล้ว Content ที่น่าสนใจหรือไม่ได้พูดถึงสินค้าตรงๆ ก็สามารถนำสู่การสร้างยอดขายได้ เพราะแค่ผู้บริโภคคลิกเข้ามาอ่าน Content นั้นก็เป็นการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) ให้กับธุรกิจของคุณ และเมื่อมีการคลิกเข้ามาอ่านมากๆ หรือมีการ Share ออกไป ก็จะช่วยดันให้เว็บไซต์ติดอันดับได้นั่นเอง

ใส่ Keyword ลงไปใน Content โดยเริ่มจากใส่ใน Title Tag หรือชื่อเรื่องที่แสดงผลอยู่ด้านบนสุดของเว็บไซต์ ซึ่งควรใส่ชื่อธุรกิจและชื่อสินค้าไว้ในส่วนนี้ด้วยก็จะยิ่งดี ในส่วนต่อไปคือ Meta Description หรือเนื้อหาที่อธิบายว่า Content นั้นจะพูดเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งควรเขียนในส่วนนี้ให้สั้น กระชับ และน่าสนใจ โดยเลือกใส่ Keyword ยอดนิยมในการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ Content นั้นลงไปด้วย นอกจากนี้ในเนื้อหาก็ควรเลือกใส่ Keyword ซ้ำกันในหลายๆ ครั้ง เพื่อให้ Search Engine รู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับเรื่องนั้นจริงๆ จึงจะแสดงผลบนหน้า Google

Content ไม่ได้จำกัดแค่บทความ รูปแบบการนำเสนอที่หลากหลายก็ช่วยดึงความสนใจ และเปิดโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณสามารถค้นหาเจอได้ในหลายๆ ช่องทาง เช่น การนำเสนอเนื้อหาแบบวิดีโอ เพื่อดึงให้ผู้บริโภคที่ชอบ Content ในรูปแบบนี้ได้เข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ หรือนำเสนอเนื้อหาแบบ Infographics แล้วใส่ Keyword ในคำอธิบายรูปภาพลงไป จะทำให้แสดงผลบนหน้า Google Image ซึ่งสามารถเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่เลือกดูรูปภาพก่อนเข้าเว็บไซต์ เป็นต้น.


ใช้โซเชียลมีเดียให้เข้าถึงเว็บไซต์ : หลายๆ ธุรกิจก็มักจะเปิดร้านบนเว็บไซต์และในโซเชียลมีเดียควบคู่กันไป ซึ่งการ Share Content ในเว็บไซต์ลงไปในโซเชียลมีเดียของคุณก็สามารถเพิ่มยอดให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามาอ่านบทความเพิ่มเติมในเว็บไซต์ แต่ไม่ใช่ว่าทุก Content จะ Share ลงไปได้ทั้งหมด คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของผู้บริโภคที่เล่นโซเชียลมีเดียด้วยว่าชอบ Content ในลักษณะไหนบ้าง และเลือก Share เฉพาะ Content ที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ยังสามารถนำลิงก์ของเว็บไซต์ไปใส่ในช่องทางติดต่อบนโซเชียลมีเดียของคุณ และใส่ลิงก์บน Content ที่โพสต์ในช่องทางเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นการดึงกลุ่มเป้าหมายที่เล่นช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลักให้คลิกเข้ามาดูเว็บไซต์เพิ่มขึ้นด้วย


สร้าง Internal Link ภายในเว็บไซต์ : Internal Link หรือลิงก์ที่ใช้เชื่อมโยงข้อมูลภายในเว็บไซต์ สามารถทำได้โดยใส่ลิงก์ Content ที่เป็นเนื้อหาต่อเนื่องหรือมีความเกี่ยวข้องกัน รวมถึงใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ Content นั้น เพื่อให้คลิกข้อความแล้วลิงก์ไปยังหน้าอื่นๆ

โดยวิธีการนี้เป็นการดึงให้กลุ่มเป้าหมายอยู่ในเว็บไซต์ได้นานขึ้น ทำให้ Google มองว่า Content ของคุณมีคุณภาพและมีความเกี่ยวข้องกันของเนื้อหาในแต่ละหน้า และเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าสนใจจนทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณสูงขึ้นได้นั่นเอง


แค่เปลี่ยนลิงก์อันดับก็เปลี่ยน : URL หรือลิงก์ของเว็บไซต์ในทุกหน้า สามารถเปลี่ยนเป็นชื่อที่เข้าใจง่ายและสื่อถึงเนื้อหาในแต่ละหน้าเว็บไซต์ได้ โดยใส่ประโยคที่อ่านแล้วรู้ว่าหน้านั้นเกี่ยวกับเรื่องอะไร และแทรก Keyword เข้าไปในลิงก์นั้นด้วย แต่ไม่ควรใส่ Keyword ที่ยาวและเยอะเกินไป หรือตั้งชื่อที่มีความซับซ้อน เพราะยากต่อการจดจำ ซึ่งจะทำให้ค้นหาเจอเว็บไซต์ของคุณยากขึ้น

การตั้งชื่อลิงก์สามารถตั้งได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยชื่อลิงก์ที่ดีนอกจากจะทำให้เว็บไซต์ดูเป็นระเบียบแล้ว ยังช่วยให้เครื่องมือค้นหาทำการรวบรวมข้อมูลในเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น เพราะสามารถจดจำลิงก์ได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคเจอเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก - สถาบันผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ 
www.practicalecommerce.com/10-do-it-yourself-seo-ti

****************************************************************************



*
* *
คลิกLikeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ"
รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!
* * *





SMEs manager


กำลังโหลดความคิดเห็น