กรมการค้าภายในทุ่มงบกว่า 340 ล้านบาทเดินหน้าช่วยชาวสวนลำไยสนับสนุนค่าบริหารจัดการในการกระจายผลผลิต การส่งออก ชดเชยดอกเบี้ยและจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคทั่วประเทศ โดยได้เตรียมมาตรการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งจะใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อสนับสนุนเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ในการรับซื้อ และเร่งกระจายผลผลิตออกจากแหล่งผลิต
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18-19 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่จังหวัดลำพูน และเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ลำไย และหารือมาตรการรับมือผลผลิตลำไยที่กำลังออกสู่ตลาด โดยได้แจ้งต่อเกษตรกรว่าได้เตรียมมาตรการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยจะใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อสนับสนุนเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ในการรับซื้อ และเร่งกระจายผลผลิตออกจากแหล่งผลิต ซึ่งล่าสุดได้อนุมัติงบประมาณดำเนินการแล้ว 340 ล้านบาท
ทั้งนี้ โดยงบประมาณดังกล่าวจะช่วยค่าบริหารจัดการในการกระจายผลผลิตกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาท โดยช่วยค่ารวบรวม เก็บเกี่ยว จัดส่ง วงเงิน 194.45 ล้านบาท ช่วยค่าบริหารจัดการในการรับซื้อเพื่อส่งออก เช่น ค่าบรรจุภัณฑ์ ขนส่ง คัดแยกเกรด กก.ละ 5 บาท โดยให้ผู้ส่งออกที่ส่งออกไปแล้วนำหลักฐานมายืนยัน วงเงิน 50 ล้านบาท ช่วยเสริมสภาพคล่อง โดยลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมธนาคารในอัตรา 3% ต่อปี เป็นเวลา 6-10 เดือน วงเงิน 45.55 ล้านบาท และส่งเสริมตลาดโดยจัดงานรณรงค์บริโภคผลไม้ทั่วประเทศ วงเงิน 50 ล้านบาท
นอกจากนี้ จะผลักดันให้มีการทำสัญญาข้อตกลงซื้อขายลำไย ระหว่างเกษตรกรกับห้างค้าปลีกค้าส่ง จากเดิม 4,808 ตัน เพิ่มเป็น 10,000 ตัน ประสานตลาดกลางสินค้าเกษตรประมาณ 20 ตลาดทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าไปรับซื้อลำไยจากเกษตรกร และช่วยกระจายผลผลิตในช่วงที่ผลผลิตจะออกมากในเดือน ส.ค. 2563 ผลักดันการส่งออกลำไยเกรด B และ C ประมาณวันละ 100 ตันไปตลาดกัมพูชาและเวียดนาม และช่วยดอกเบี้ย 3% ให้กับชาวสวนลำไยที่ซื้อลำไยลูกร่วงและรูดร่วงไปอบทั้งเปลือกและอบเป็นเนื้อสีทอง
สำหรับผลผลิตลำไยปี 2563 คาดว่าจะมีปริมาณ 9 แสนตัน เพิ่มขึ้น 5% โดยขณะนี้ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว 15% ผลผลิตมีปัญหาในเรื่องคุณภาพที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ลำไยขนาดใหญ่ เกรด AA และ A ซึ่งเป็นขนาดที่ส่งออกไปต่างประเทศ มีสัดส่วนเพียง 10% และ 35% ที่เหลือเป็นขนาด B และ C รวมกันกว่า 50% โดยราคาล่าสุด เกรด AA กก.ละ 27 บาท เกรด A กก.ละ 27 บาท เกรด B กก.ละ 16 บาท และเกรด C กก.ละ 10 บาท
ขณะที่ตลาดบริโภคสดทั้งในประเทศและส่งออกชะลอตัว โดยเฉพาะคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน อินโดนีเซีย ไม่สามารถเดินทางเข้ามาดูผลผลิต จากการติดมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้ต้องพิจารณาการสั่งซื้อจากภาพถ่ายที่ส่งไปให้ จึงทำให้การสั่งซื้อชะลอตัว และยังมีปัญหาเรื่องแรงงานที่เดินทางกลับประเทศช่วงโควิด-19 ยังไม่สามารถเข้ามาทำงานในสวนลำไยได้ แต่กำลังจะมีทางออกและมีมาตรการผ่อนผันออกมา
https://www.facebook.com/SMEs.manager/?ref=bookmarks" target="_blank">* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
https://www.facebook.com/SMEs.manager" data-small-header="false" data-adapt-container-width="true" data-hide-cover="false" data-show-facepile="true" data-show-posts="false">