กสศ.ขยายความร่วมมือ สถ.ลุยช่วยทุนเสมอภาคปีละ 3,000 บาทแก่ นร.ยากจนพิเศษสังกัด ร.ร.อปท.ชั้นอนุบาล-ม.3 ครอบคลุม 76 จังหวัด หวังแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา อธิบดี สถ.พร้อมส่งเสริมท้องถิ่น 76 จังหวัดเร่งรัดคัดกรองนักเรียนยากจนไม่ให้ตกหล่น เชื่อมีผู้ได้รับผลกระทบช่วงโควิด-19 ระบาด ยันการคัดกรองค้นหาเป็นเรื่องสำคัญ ช่วยให้เด็กยากจนเข้าถึงทุนการศึกษาตรงกลุ่มเป้าหมาย
ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้มีการประชุมชี้แจงการดำเนินงานโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข ประจำภาคเรียนที่ 1/2563 ให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษ (นักเรียนทุนเสมอภาค) ในสังกัดโรงเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผ่านระบบ Teleconference
นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศมีนักเรียนชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนต้น รวมทั้งสิ้นกว่า 9 แสนคน ที่ผ่านมา อปท.ได้ให้การช่วยเหลือเด็กที่มีความยากจนตามระเบียบทางด้านการศึกษา โดยการของบประมาณส่วนกลางไปสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายปีละ 1,000 บาทต่อคนต่อปี แต่ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นการที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เข้ามาช่วยสมทบงบประมาณช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษตั้งแต่อนุบาลถึง ม.ต้น ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มอีกปีละ 3,000 บาท ถือเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้นักเรียนที่ได้รับเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขสำหรับนักเรียนทุนเสมอภาคไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาอย่างสูงสุด โดยปีการศึกษา 2562 ที่ผ่านมาได้ดำเนินการนำร่องกับสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 10 จังหวัด และในปีการศึกษา 2563 นี้จะขยายให้ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เรื่องที่ กสศ.ทำจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใหญ่ช่วยนักเรียนได้เพิ่มมากขึ้น
“จากสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง จะส่งผลให้นักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสถานะเป็นเด็กยากจนพิเศษเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ปกครองขาดแคลนรายได้จำนวนมาก ด้วยสาเหตุทางเศรษฐกิจที่ประสบอยู่ ในปีการศึกษา 2563 เราคาดหวังว่ากลุ่มเด็กยากจนที่ได้รับการช่วยเหลือจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่เด็กยากจนจะได้เข้าร่วมโครงการอย่างทั่วถึง ความร่วมไม้ร่วมมือของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารโรงเรียน ครู ถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากขอความร่วมมือท้องถิ่นช่วยกันคัดกรองและลงไปสำรวจตรวจสอบหาข้อมูลเด็กยากจนพิเศษ อันนี้ก็จะเป็นส่วนที่ทำให้ กสศ.ได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณลงไปช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจนเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น” นายประยูรกล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องชาวองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะสถานศึกษา ท่านผู้บริหาร อปท. ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ได้โปรดช่วยกันเพื่อลูกหลาน ในภาวะความยากลำบากตรงนี้ เด็กนักเรียนต้องการความช่วยเหลือ แต่ว่าการช่วยเหลือนั้นเราจะขอโดยไม่มีข้อมูลและหลักฐานก็ไม่สามารถอนุมัติได้ เพราะฉะนั้น จุดสำคัญในเรื่องของการให้ต้องขอความร่วมมือจากครูลงไปดูในการกรอกข้อมูล สำรวจ แล้วก็ส่งรายงานมา ซึ่งระบบการรายงานก็ไม่ได้ลำบาก ทาง กสศ.ได้ดำเนินการจัดทำคู่มือให้อย่างง่ายดาย ขอความร่วมมือทุกท่าน และทาง อปท.ยินดีให้การสนับสนุนจังหวัดท้องถิ่นในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า โรงเรียนในสังกัด อปท.เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญและเป็นภารกิจที่ กสศ.จะเข้าไปช่วยเหลืออยู่แล้ว โดยในปี 2563 กสศ.ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาเงินอุดหนุนช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ เนื่องจากช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 พบอุปสรรคที่ส่งผลต่อค่าเดินทางและค่าครองชีพ กสศ.อาจต้องพิจารณาความช่วยเหลือเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2563 กสศ.สามารถจัดงบให้เด็กยากจนพิเศษในสังกัด อปท.กว่า 30,000 คน แต่หากมีนักเรียนยากจนพิเศษที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองมากกว่านี้ทาง กสศ.ก็จะประสานหาช่องทางจัดสรรงบประมาณจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติมตามสภาพจริง
“อยากขอความร่วมมือให้ อปท.และครูกรอกข้อมูลตามสภาพจริงเข้ามาให้ได้มากที่สุด หากท้องถิ่นใดดำเนินการคัดกรองนักเรียนยากจนหรือยากจนพิเศษเข้ามาต่ำกว่าตามสภาพจริงในปีนี้ย่อมมีผลกระทบต่อการตั้งงบประมาณของ กสศ.เพื่อสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวในปีต่อๆ ไปของท้องถิ่น โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 อยากให้ท้องถิ่นช่วยกันค้นหานักเรียนยากจนไม่ให้ตกหล่นจากการสำรวจ เพื่อให้ได้รับจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณถัดไปอย่างเต็มที่สอดคล้องกับสภาพจริง ในส่วนของเด็กที่เคยผ่านการคัดกรองเมื่อปีที่แล้วไม่ยากจน ถ้ามีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความยากจนในปีนี้ เช่น ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ก็สามารถกรอกข้อมูลเข้ามาคัดกรองใหม่ได้ ทาง กสศ.พร้อมที่จะพิจารณาอีกครั้ง” ดร.ไกรยสกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ กสศ.ได้ร่วมมือกับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.เปิดบัญชีพร้อมเพย์ให้เด็ก เพื่อสะดวกต่อการส่งเงินช่วยเหลือเด็กได้อย่างรวดเร็วขึ้น และการจัดสรรเงินอุดหนุนให้นักเรียนจะเป็นการบรรเทาอุปสรรคการมาเรียน ลดความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยนักเรียนยากจนพิเศษทุกคนจะได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนจำนวน 2,000 บาทในเทอม 1/2563 นี้ ซึ่งน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวได้มากพอสมควร จึงอยากเชิญชวนให้ทั้งผู้ปกครอง และโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นร่วมมือกันสำรวจและคัดกรองข้อมูลเข้ามาภายในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดังกล่าว
ดร.ไกรยสกล่าวว่า ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หลายครอบครัวของเด็กนักเรียนยากจนต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอาจกระทบไปถึงตัวเด็กนักเรียนจนเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา ดังนั้น การคัดกรองข้อมูลนักเรียนยากจนถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นฐานการทำงานสำคัญร่วมกันระหว่าง กสศ. กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เด็กๆ ที่ยากจนที่สุดในประเทศได้มีโอกาสรับทุนการศึกษาจาก กสศ.เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาในระดับสูงต่อไปในอนาคต