xs
xsm
sm
md
lg

สสว.เผยผลสำรวจดัชนีเอสเอ็มอี พบผู้ประกอบการฟื้นความเชื่อมั่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




สสว.เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเดือน เม.ย.ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนปรับตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นดีขึ้นจากการผ่อนปรนเปิดกิจการ และสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือนเมษายน 2563 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 27.6 ลดลงจากเดือนมีนาคมที่อยู่ในระดับ 31.0 โดยเป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตลอดทั้งเดือน ทำให้ปริมาณซื้อ-ขายสินค้า และการให้บริการธุรกิจต่างๆ ยังคงซบเซาทั่วทุกภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก โดยในเดือนเมษายน 2563 อยู่ที่ระดับ 53.0 ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนมีนาคม 2563 ที่อยู่ในระดับ 35.5 โดยเป็นสัญญาณบวก ครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ซึ่งเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ที่ดีขึ้นตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 เพราะรัฐบาลควบคุมโรคระบาดได้ดี และมีความชัดเจนของมาตรการผ่อนปรนข้อจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการ SME คาดการณ์กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นในอนาคตเมื่อเทียบกับเดือนปัจจุบัน

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนเมษายนที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิต การค้าและบริการ และกำไรที่ปรับตัวลดลงอย่างมากอยู่ที่ระดับ 11.0, 11.8 และ 12.1 ตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบด้านการลงทุน ต้นทุนรวม และการจ้างงาน อยู่ที่ระดับ 34.5, 58.5 และ 37.9 ตามลำดับ โดยเป็นการลดลงในทุกภูมิภาค และเกือบทุกสาขาธุรกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้ปริมาณซื้อ-ขายทั้งสินค้า และการให้บริการธุรกิจต่างๆ ชะลอตัวลง

โดยภาคการผลิต ภาคการค้าและบริการ มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนเมษายนลดลงอยู่ที่ระดับ 26.3 และ 28.0 ตามลำดับ โดย 3 สาขาที่มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปัจจุบันต่ำที่สุด คือ การผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ บริการที่พักโรงแรม และบริการกีฬา สันทนาการ เช่น ศูนย์บริการออกกำลังกาย เนื่องจากการปรับลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นของผู้บริโภค และการปิดกิจการชั่วคราวตลอดทั้งเดือนของหลายกิจการ

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปัจจุบันของผู้ประกอบการ SME ในภูมิภาคต่างๆ ลดลงทุกภูมิภาค โดยดัชนีความเชื่อมั่นฯ เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 27.8 ลดลงจาก 30.9 ในเดือนมีนาคม สาเหตุมาจากการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และมาตรการเคอร์ฟิว ทำให้ภาวะธุรกิจทั่วไปชะลอตัว และการกักตุนเครื่องอุปโภคและบริโภคลดลง ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคเหนือ เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 29.6 ลดลงเล็กน้อยจาก 30.2 ในเดือนมีนาคม เนื่องจากการควบคุมการเดินทางทั้งในและระหว่างประเทศ ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่องซบเซาต่อเนื่อง แต่มีการขยายตัวของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และเกษตรเพื่อตกแต่งบ้าน

ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคกลาง เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 26.6 ลดลงจาก 34.8 ในเดือนมีนาคม โดยสาเหตุนอกจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แล้ว ปัญหาภัยแล้งยังกระทบต่อปริมาณการผลิตการเกษตรและรายได้ ทำให้กำลังซื้อ และผลประกอบการธุรกิจ SME ชะลอตัวลง ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคตะวันออกเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 27.6 ลดลงจาก 30.9 ในเดือนมีนาคม เนื่องจากการปิดสถานประกอบการทำให้มีการลดจำนวนแรงงาน และการส่งออกผลไม้ฤดูร้อนลดลง เช่น ทุเรียน มังคุด และเงาะ เป็นต้น ส่งผลให้รายได้ กำลังซื้อชะลอตัวลง

ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคใต้ เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 27.8 ลดลงจาก 34.1 ในเดือนมีนาคม เนื่องจากความซบเซาของธุรกิจการท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่อง และการควบคุมการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ รายได้ และกำลังซื้อชะลอตัวลง ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 26.4 ลดลงจาก 28.4 ในเดือนมีนาคม โดยชะลอตัวลงในเกือบทุกสาขาธุรกิจ โดยเฉพาะการบริการน้ำมัน บริการเสริมความงาม และการค้าปลีกแบบดั้งเดิม

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 53.0 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมที่ระดับ 35.5 ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ต่อสถานการณ์ในอนาคต เพราะมีแนวโน้มการควบคุมโรคระบาดได้ดีขึ้น และเริ่มเห็นความชัดเจนของมาตรการผ่อนปรนข้อจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปลายเดือนเมษายน อีกทั้งผู้ประกอบการเริ่มมีการจัดโปรโมชันการขายล่วงหน้าในกิจการบางสาขา เช่น บริการที่พักโรงแรม บริการท่องเที่ยว และบริการด้านสุขภาพความงาม ทำให้ผู้ประกอบการ SME สามารถคาดการณ์กำลังซื้อ การผลิตสินค้า การให้บริการ และผลประกอบการ จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนปัจจุบัน

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของ SME ในเดือนเมษายน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และอำนาจซื้อของประชาชน 2. การปรับเปลี่ยนมาตรการด้านต่างๆ ของรัฐบาล 3. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค 4. ราคาต้นทุนสินค้าและค่าแรงงาน และ 5. การแข่งขันในตลาด

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *



กำลังโหลดความคิดเห็น