สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์ จุฬาO และคณะ ใช้นวัตกรรมใหม่วิจัยนโยบายสาธารณะและตรวจสอบความร่วมมือของประชาชนต่อมาตรการป้องกันต่างๆ ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ด้วยหลัก “เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม”
เผยพฤติกรรมคนไทย 4 กลุ่มที่ศึกษาแม้จะเผชิญปัญหาอย่างกะทันหันในช่วงการระบาดอย่างรวดเร็วของ COVID-19 แต่ก็ไม่สับสน ภาพรวมความร่วมมือและปฏิบัติตามนโยบายยังเป็นไปในทางเดียวกันทั้งประเทศ พร้อมยืนยันผลวิจัยบ่งชี้คนไทยเฝ้าระวังติดตามข่าวสาร มาตรการรัฐอย่างใกล้ชิด ให้ร่วมมือปฏิบัติตามอย่างดี แม้บางพื้นที่ตัวเลขเฉลี่ยของการปฏิบัติตามจะต่ำบ้างก็เพราะข้อข้ดข้องจากรูปแบบพฤติกรรมประจำวัน หากภาครัฐเข้าใจพฤติกรรมของคนแต่ละพื้นที่ ก็จะเข้าใจแรงจูงใจ ก็สามารถปรับเปลี่ยนมาตรการ หรือการสื่อสาร เพื่อกระตุ้นความร่วมมือได้มากกว่านี้
ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและการทดลอง แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะวิจัย ได้เปิดเผยว่า “เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม” เป็นวิชาที่ใช้ศึกษาเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ กลไกทางเศรษฐกิจที่สัมพันธ์กับความคิดของมนุษย์ในเชิงจิตวิทยาและสังคมวิทยาและอธิบายด้วยแบบจำลองทางสถิติและคณิตศาสตร์ หรือกล่าวได้ว่าเป็นความพยายามที่จะใช้กระบวนการเหตุผลเพื่ออธิบายสิ่งที่เชื่อมโยงกันเหมือนไม่มีเหตุผล
มาตรการป้องกันการระบาดของ COVID-19 ซึ่งฝ่ายสาธารณสุขออกมาเป็นขั้นตอนโดยลำดับนั้น กระทบต่อความเป็นอยู่ของคนไทยอย่างรวดเร็วและรุนแรงหลายระดับโดยเฉพาะทางเศรษฐกิจ จึงมีข้อสงสัยและอยากรู้ว่าคนไทยเข้าใจมาตรการเหล่านี้หรือไม่ มีทัศนคติอย่างไร และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐมากน้อยแค่ไหน และมีผลกระทบอย่างไรบ้าง
ผศ.ดร.ธานีกล่าวว่า การใช้หลักวิชานี้ถือเป็นความพยายามที่จะเข้าใจการตื่นตัวของสังคมไทยในช่วงการระบาดของ COVID-19 นี้ให้ถูกต้อง ดังปรากฏการณ์ในสังคมหลายๆ ส่วนระหว่างที่ฝ่ายสาธารณสุขประกาศออกมาเป็นระยะ ซึ่งประชาชนบางส่วนให้ความร่วมมืออย่างดี แต่บางส่วนก็ยังไม่ดีและมีข้อติดขัด จนหลายคนอาจคิดว่าคนไทยเหล่านี้พูดไม่รู้เรื่อง ดื้อรั้น เช่น มาตรการการล้างมือ สวมหน้ากาก หรืออยู่บ้าน เว้นระยะห่าง เป็นต้น เหมือนคนไทยบางส่วนพูดยาก เข้าใจยาก ไม่ยอมทำ แต่เมื่อเราใช้หลักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมเข้าไปดู ไปจับแล้วก็พบว่าคนไทยทุกกลุ่มที่ศึกษา ตื่นตัว เฝ้าระวังติดตามข่าวสารการระบาดนี้สูงมาก
แต่มาตรการบางข้อที่รัฐกำหนดนั้นไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตปะจำวัน แรงจูงใจให้ปฏิบัติตามจึงต่ำ หรือบางเรื่องรัฐสื่อสารให้เขาเหล่านั้นเข้าใจและเห็นความสำคัญได้แล้วก็จริงแต่ยังผิดช่องทาง ตัวอย่างเช่น การติดเชื้อสูงในคนชายแดนใต้เพราะพฤติกรรมการใช้พื้นที่แออัดร่วมกันของเขามีสูง การควบคุมระยะห่างระหว่างบุคคลจึงได้ผลไม่เต็มที่ แต่ต้องคุมระยะในกิจกรรมระหว่างครัวเรือนไปพร้อมๆ กันด้วย อีกทั้งการสื่อสารข้อมูลผู้ป่วยในพื้นที่และรายจังหวัดมีน้อยและไม่ถูกเน้น แม้คนเหล่านี้จะรู้ว่าโรคระบาดนี้ติดต่อง่าย ติดเยอะ แต่ก็ยังเชื่อว่าไกลจากตัวเอง แรงจูงใจที่จะปฏิบัติตามจึงต่ำ
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าพฤติกรรมของครัวเรือนไทยในเขตเมืองเป็นพฤติกรรมอิสระ แต่คนจนเมือง คนชนบท และคนชายแดนใต้ เป็นพฤติกรรมร่วมกัน เช่น การใช้ห้องนอนรวมและใช้ห้องน้ำร่วมกัน ซึ่งมีผลต่อการติดเชื้อแตกต่างกัน คนในเขตเมืองแยกรับประทานอาหาร แต่คนจนเขตเมือง คนชนบท มักกินรวมกัน และคนชายแดนภาคใต้มักต้องออกไปทำกิจกรรมทางศาสนา พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้มาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ นั้นได้รับความร่วมมือไม่เต็มที่
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมความเชื่อมั่นว่าฝ่ายสาธารณสุขจะช่วยหยุดการระบาดได้นี้ยังสูงมาก และพร้อมจะทำตาม ทั้งยังเชื่อว่าตนเองทำได้ดีเหมือนๆ กัน แต่ก็พบว่าเป็นการร่วมมือที่มีเงื่อนไขว่าจะทำตามกลุ่มของตน หากชุมชนหรือสังคมที่อยู่ร่วมกันไม่ทำแล้วโอกาสที่ตนเองจะทำก็ยาก ดังนั้น การกระตุ้นความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการจึงต้องทำทั้งระดับบุคคล และชุมชนไปพร้อมกัน
ผศ.ดร.ธานีกล่าวสรุปในตอนท้ายว่า งานวิจัยนี้ช่วยยืนยันให้เห็นว่ามาตรการของรัฐและข้อแนะนำของฝ่ายสาธารณสุขนั้นมีผลกระทบต่อประชาชนในทุกระดับแตกต่างกัน และผลตอบรับจากประชาชนร้อยละ 90 เข้าใจและยินดีปฏิบัติตาม ส่วนที่ยังไม่ปฏิบัตินั้นก็เพราะมีข้อจำกัด ซึ่งแก้ไขได้ถ้าเข้าใจพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของคนเหล่านั้นแล้วก็จะเข้าใจความคิด แรงจูงใจและการตอบสนองของประชาชนเหล่านั้น รัฐก็สามารถออกมาตรการเสริมหรือปรับวิธีการให้เหมาะสมได้ และจะทำให้ความร่วมมือของประชาชนต่อมาตรการของรัฐนี้ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งขึ้น
ที่มาข้อมูล : งานวิจัยเผยแพร่ Behavioral Insights ของครัวเรือนไทยภายใต้สถานการณ์ COVID-19 เป็นงานวิจัยโดย ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ และคณะ โดยการสนับสนุนร่วมกันระหว่างคณะเศรษฐศาสตร์ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563
** * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุดและร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *SMEs manager