สสว. เผยตัวเลขส่งออก SME ปี 2562 มูลค่ารวม 75,477.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อย ละ 3.6 ผลจากการส่งออกสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ไปตลาดส่งออกสำคัญทั้งจีนและ สหรัฐอเมริกา รวมถึง EU ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ปี 2563 เดินหน้าขยายตลาดคู่ค้าใหม่ๆ ทั้งเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา ฯลฯ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการทั้งเงินทุน ทักษะ ตลาด และ ช่วยผู้ประสบปัญหา เชื่อว่าจะช่วยให้สถานการณ์ SME ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อ านวยการ รักษาการแทนผู้อ านวยการส านักงานส่งเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและ ขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงตัวเลขการส่งอออกของ SME ในรอบปี 2562 พบว่ามีมูลค่า รวม 75,477.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.6 และมีสัดส่วนการ ส่งออกของ SME ต่อการส่งออกรวมของประเทศ คิดเป็นร้อยละ 30.6 เฉพาะเดือนธันวาคม 2562 มีการ ส่งออกคิดเป็นมูลค่า 5,530 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยมีปัจจัยบวกมาจากตลาดส่งออกสำคัญของ SME ส่วนใหญ่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐอเมริกา ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 11.4 และ 10.1 ตามลำดับ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าวัตถุดิบ และสินค้าขั้นกลาง เพื่อทดแทนสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างกัน (สงคราม การค้า) มีการขยายตัว เช่น เม็ดพลาสติก ทองแดงบริสุทธิ์ ยางนอกรถยนต์และยานพาหนะอื่นๆ อุปกรณ์ Solar cell เครื่องคำนวณและประมวลผล ท่อและข้อต่อ ตะปู หมุดที่ทำด้วยเหล็ก รวมทั้ง ฟูก ที่นอน และ เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ
เช่นเดียวกับตลาดในกลุ่ม EU ที่ยังคงขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ส่วนตลาดในกลุ่มอาเซียนและญี่ปุ่น การส่งออกหดตัวลงอยู่ที่ร้อยละ 5.9 และ 1.6 ตามลำดับ ผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้คู่ค้าดังกล่าว ลดการนำเข้าสินค้าขั้นกลางจากไทยเพื่อไปผลิตและ ส่งออก รวมถึงผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท เมื่อพิจารณาโดยภาพรวม พบว่า สินค้าส่งออกสำคัญของ SME ที่ขยายตัวได้ดีในปี 2562 ได้แก่ กลุ่มผลไม้สด โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และผลไม้แปรรูปต่างๆ ขยายตัวถึงร้อยละ 34.4 กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 13.2 กลุ่มเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 1.1
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ขยายตัว ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ อาหารแปรรูป เครื่องหนัง เป็นต้น ส่วนสถานการณ์ของ SME ในปี 2563 คาดว่าในช่วงไตรมาสแรก การส่งออกสินค้าบริการหรือการ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จะได้รับ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (Covid-19) และการดำเนินมาตรการป้องกันการ แพร่ระบาดของรัฐบาลจีน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลง กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ SME ไทย โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจโรงแรม และธุรกิจ เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร การขนส่ง ศิลปะนันทนาการ ของขวัญของชำร่วย ฯลฯ จากข้อมูล ของ สสว. พบว่า รายได้ของธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวทั้งประเทศเกิดจาก SME คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58 จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อประมาณการ GDP ของ SME ในไตรมาสแรกของปี 2563 ขยายตัวต่ำกว่าที่เคย คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
อย่างไรก็ดี ผลจากเริ่มมีสัญญาณที่ผ่อนคลายลงของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ขณะที่ค่าเงินบาท มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ คณะกรรมการนโยบายทาง การเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เหลือร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทาง เศรษฐกิจและผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น กอรปกับ สสว. เตรียมดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุน SME ในการขยายช่องทางการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศในแถบเอเชียใต้ กลุ่ม ตะวันออกกลาง กลุ่มแอฟริกา และกลุ่มยุโรปตะวันออก รวมถึงการดำเนินมาตรการสำคัญในการส่งเสริม SME ในปี 2563 ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน SME รายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาความรู้ ทักษะ และการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการ ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด สนับสนุนช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และ ช่วยเหลือ SME ที่ประสบปัญหาทางธุรกิจให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการต่อได้ โดยเชื่อว่าการดำเนินงาน ดังกล่าวจะสามารถช่วยให้การส่งออกและสถานการณ์ SME โดยภาพรวมมีทิศทางการขยายตัวที่ยังคงเป็น บวกอยู่
** * คลิก Likeเพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า“SMEs ผู้จัดการ”รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุดและร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!!* * *
SMEsmanager