SKOOTAR บริการเรียกแมสเซ็นเจอร์ออนไลน์ สตาร์ทอัปสัญชาติไทย พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ที่ใช้เชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี บริษัท ห้างร้าน กับเครือข่ายแมสเซ็นเจอร์ ที่ให้บริการรับส่งเอกสาร เก็บเช็ค วางบิลหรือส่งของอื่นๆ ในกรุงเทพฯ. และ ปริมณฑล
สำหรับบริการของ SKOOTAR ถือกำเนิดขึ้นมาจากรวมตัวกันของ คนรุ่นใหม่ นำทีมโดย ม.ล.กมลพฤทธิ์ ชุมพล (โก้) CEO และ นายธีภพ กิจจะวัฒนะ CTO ทั้งสองได้มองเห็นโอกาสทางการตลาดและมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น กับธุรกิจเอสเอ็มอี ในการใช้บริการแมสเซ็นเจอร์ จึงได้ร่วมกันพัฒนาเวบไซต์ และแอปพลิเคชั่น ที่ชื่อ SKOOTAR ขึ้นมาเพื่อรองรับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี
ม.ล.กมลพฤทธิ์ เล่าว่า ก่อนที่จะมาทำ SKOOTAR เหมือนกับสตาร์ทอัปรายอื่นๆ คือ ทำงานออฟฟิศมาก่อน ปัญหาที่พบสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี คือ การจัดส่งเอกสารจำนวนมากในบางวัน ทำให้ต้องจ้างแมสเซนเจอร์หลายคน และในบางวันที่ไม่มีการส่งเอกสาร แมสเจอร์จะว่าง ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย และยังมีอีกหลายเหตุผลที่ธุรกิจขนาดเล็กอย่างเอสเอ็มอี ต้องเจอเกี่ยวกับงานส่งเอกสาร อาทิ ปัญหาของเอสเอ็มอีในการเรียกใช้บริการวินมอเตอร์ไซต์ ที่อยู่หน้าบริษัท เพราะไม่รู้ว่าเขาส่งเอกสารได้ถึงมือผู้รับหรือไม่ และถ้าฝ่ายบัญชีอยากได้ใบเสร็จแน่นอนพี่วินหน้าบริษัททำให้ไม่ได้
“ด้วยเหตุนี้เอง คิดว่าน่าจะมีบริการด้านแมสเซนเจอร์ ที่จะช่วยธุรกิจเหล่านี้ ตอนนั้น บริการด้านโลจิสติกส์ผ่านแอปพลิเคชั่น ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเหมือนทุกวันนี้ ผมเองถือว่าเป็นรายแรกเมื่อประมาณ 4-5ปีก่อนหน้านี้ ที่เป็นสตาร์ทอัปสัญชาติไทยที่ลงมาเล่นในตลาดของบริการแมสเซ็นเจอร์ผ่านแอปพลิเคชั่น และการทำเป็นรายแรกก็จะถูกจับตา ในกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัปคนไทยด้วยกัน ช่วงนั้น ก็จะมีสตาร์ทอัปไทย เห็นถึงการเติบโตของเราและหันมาทำบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ช่วง 1-2 ปี มีบริษัทข้ามชาติ ที่มีทุนหนาหลายหมื่นล้าน ลงมาเล่นในตลาดนี้ กลายเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้สตาร์ทอัปไทย ที่พยายามจะลงมาในตลาดนี้ หรือ ลงมาแล้วต่างก็ไม่กล้า และต้องยอมถอย เพราะกลัวอำนาจเงินของบริษัทข้ามชาติเหล่านี้”
ทำไม SKOOTAR อยู่ได้ ช่วงที่บริษัทข้ามชาติสยายปีก ขอส่วนแบ่งตลาด
ม.ล.กมลพฤทธิ์ กล่าวว่า การที่มีบริษัทข้ามชาติ เข้ามาเปิดให้บริการขนส่ง ดิลิเวอรี่ ส่งผลกระทบกับ SKOOTAR อย่างแน่นอน ถ้าวันหนึ่งลงมาเล่นในตลาดของเราอย่างชัดเจน แต่ที่เรายังอยู่ได้ เพราะด้วยมาตรฐานที่สร้างไว้ตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งการันตีได้จากรางวัลที่ได้รับ โดยเราได้รับรางวัลจากการแข่งขันหลายรายการ อาทิ รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในโครงการ Angel Hack Bangkok 2014 ซึ่งจัดโดย AngelHack องค์กรส่งเสริมธุรกิจใหม่ในยุคดิจิทัลระดับโลกรางวัลชนะเลิศโครงการ dtac Accelerate Batch#3 2015 ได้รับเลือกเข้าโครงการ Google Launchpad Accelerator Program 2017
ในส่วนของการระดม SKOOTAR Beyond ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนร่วมทุนระดับโลกอย่าง 500Startups, Galaxy Ventures, และ dtac accelerate และจุดแข็งอย่างหนึ่งของพวกเรา คือ มุ่งมั่นสร้างผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้การเรียกแมสเซ็นเจอร์ในกรุงเทพมหานครมีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับลูกค้าธุรกิจและบุคคลทั่วไปในวงกว้าง รวมไปถึงเป็นช่องทางสำหรับแมสเซ็นเจอร์ผู้ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริการของตนเองได้มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายใหม่เพื่อรายได้ที่ดีและมั่นคงยิ่งขึ้นไป
ทางทีมงานแมสเซ็นเจอร์ของเราที่เข้าร่วมเครือข่ายทำงานกับเราต้องผ่านการเทรนก่อนที่จะออกไปให้บริการลูกค้า ซึ่งหลายครั้งได้รับคำชมจากทางลูกค้าว่าเจ้าหน้าที่บริการดี และอยากจะเรียกใช้อีกในครั้งต่อไป จนเกิดเป็นลูกค้าประจำกัน และในส่วนของงานระบบ ทางบริษัทพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงานบริการ และรองรับกับการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ข้ามชาติ ที่พร้อมจะเข้ามาด้วยโปรโมชั่น ที่ทำให้กิจการของเราต้องสะดุดลงในอนาคตได้
เจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี รายได้หลักร้อยล้านในปีที่ 2
ม.ล.กมลพฤทธิ์ กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้มีการโฆษณา หรือ ทำประชาสัมพันธ์อะไรมากนัก การเติบโตของเรา เริ่มมาจากการได้เข้าร่วมกับ “โครงการดีแทค” และได้รับรางวัลชนะเลิศในครั้งนั้น ทางดีแทค ได้ช่วยทำประชาสัมพันธ์ ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี โดยการทำตลาดของเราจะเป็นแบบ B2C ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด
ทั้งนี้ ทุกอย่างก็กำลังจะไปด้วยดี ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้เท่ากับปีที่ผ่านมา จากการรักษาฐานลูกค้าเดิม และแจ้งเกิดลูกค้าใหม่ จากการเติบโตทางเทคโนโลยีที่คาดว่าจะผลักดันให้เติบโตมากขึ้น แต่ที่เห็นว่าปีนี้ เราโหมโฆษณามากขึ้น ทั้งที่ผ่านมาไม่ได้เคยทำ ไม่ใช่ว่ายอดขายเราตกลงไป แต่เรากลัวการเข้ามาของบริษัทข้ามชาติดังที่กล่าวมาข้างต้น สำหรับงบโฆษณาที่ใช้ช่วงนี้ ตั้งไว้หลักหลายแสนบาทต่อเดือน ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล หรือ เฟซบุ๊ก อื่นๆ ฯลฯ และเพื่อป้องกันการเข้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ ทำให้เราจำเป็น ต้องมีการขยายกลุ่มลูกค้าจากเดิมเป็นองค์กร ไปยังกลุ่มลูกค้าที่บุคคลทั่วไปเพิ่มมากขึ้น ผ่านบริการทั้ง 3 รูปแบบ
ปัจจุบัน ทางบริษัท โดยเปิดให้บริการ 3 รูปแบบ บริการส่งเอกสาร บริการขนส่ง บริการส่งอาหาร ส่วนของบริการส่งอาหารจะไม่ได้ดิวกับลูกค้า ที่มาสั่งอาหารกับเรา แต่จะเป็นบริการหลังบ้านให้กับร้านอาหารที่ขายผ่านออนไลน์อยู่แล้ว และต้องการให้เราเข้าไปช่วยเรื่องการจัดส่งให้ ปัจจุบันจะมีร้านอาหารที่สนใจใช้บริการของเรายังไม่มาก เพราะเพิ่งเริ่มต้น แต่ถ้าดูจากจำนวนร้านอาหารในกรุงเทพฯ ที่อยู่หลักหมื่นร้าน เชื่อว่า ตอนนี้ทุกร้านก็ต้องหันมามีบริการจัดส่งออนไลน์ กันมากขึ้น รวมถึงร้านเกิดใหม่ที่ไม่ได้มีหน้าร้านเน้นส่งออนไลน์อย่างเดียวก็มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งน่าจะสามารถเข้าไปทำตลาดในกลุ่มนี้ได้ ไม่ยาก
แมสเซ็นเจอร์ ร่วมงานกับ SKOOTAR
ม.ล.กมลพฤทธิ์ เล่าว่า เริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียงไม่กี่บาทในช่วงนั้น การลงทุนเน้นหนักไปเรื่องการให้บริการผ่านเทคโนโลยีหลังบ้าน โดยมีทีมโปรแกรมที่เป็นหุ้นส่วนช่วยดูแลการเขียนโปรแกรมให้ ส่วนของพี่แมสเซ็นเจอร์ มาจากการเปิดรับสมัคร ซึ่งจะมีผู้สนใจสมัครเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทั้งกลุ่มมอเตอร์ไซต์วินรับจ้าง บางคนก็ว่างงาน ก็มาสมัครและร่วมเป็นเครือข่ายกับเรา ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 8,000 คนทั่วกรุงเทพฯ การร่วมทำงานกับเรา นอกจากผ่านการอบรม และเรียนรู้เทคโยโลยีเพื่อติดต่องานกับเราแล้ว ทีมงานของเราจะต้องสอบประวัติอาชญกรรมเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในภายหลังด้วย
โดยหลายคนที่มาเข้าร่วมทำงานกับเรา จะมีทั้งที่ทำอาชีพหลัก เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าของเราจะเป็นลูกค้าประจำ ใช้บริการต่อเนื่องตลอด หรือ บางคนทำเป็นอาชีพเสริม ซึ่งทุกคนมีรายได้ต่อเดือน ไม่ต่ำหลักหมื่นบาท โดยผลประโยชน์ที่ทางแมสเซ็นเจอร์จะได้รับจะจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ จากค่าบริการที่คิดกับลูกค้า
สำหรับอัตราค่าบริการคิดตามระยะทาง เริ่มต้นที่ 55 บาท และบวก 9.5 บาทต่อ กม.กิโลเมตร ที่ 1 ถึง 25 และ บวก 12 บาท/กม. กิโลเมตรที่ 26 ถึง 70 และบวก 10 บาท/กม.กิโลเมตรที่ 71 ขึ้นไป โดยคิดค่าบริการขั้นต่ำ 65 บาท และถ้ามีการวางบิล เก็บเช็ค บวก 15 บาท หรือ ถ้าเก็บเช็ค หรือนำเช็คเข้าบัญชี บวก 40 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ดี SKOOTAR สตาร์ทอัปสัญชาติไทย อีกรายหนึ่ง ที่ถูกจับตามอง เพราะอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง จากการเข้ามาของนายทุนต่างชาติขนาดใหญ่ ซึ่งต้องดูกันว่า สตาร์ทอัปสัญชาติไทยรายนี้ จะไปต่ออย่างไร เมื่อวันหนึ่งกลุ่มนายทุนเหล่านั้นโดดลงมาเล่นในตลาดที่เขากำลังโลดเล่นอยู่ ด้วยกลยุทธ์ราคา จะเกิดอะไรขึ้น ต้องคอยให้กำลังใจกันต่อไป
สนใจ โทร.02-105-4429 www.skootar.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager