ผลการจดทะเบียนธุรกิจครึ่งปีแรกมีกิจการยังดำเนินงานอยู่ 704,249 ราย มูลค่าทุน 17.78 ล้านล้านบาท โดยมีธุรกิจที่จัดตั้งใหม่ในครึ่งปีแรกจำนวน 37,548 ราย ลดลงจากครึ่งปีแรกปี 2560 ส่วนที่เลิกประกอบกิจการ ครึ่งปีแรกมีจำนวน 6,289 ราย ลดลงจากครึ่งปีแรกปี 60 ถึงร้อยละ 58 ประเภทธุรกิจที่ตั้งใหม่สูงสุดครึ่งปีแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมาคือ อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจและการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในเดือนมิถุนายน 2561 และครึ่งแรกปี 2561 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,514 ราย เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 5,865 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 649 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 6,525 ราย ลดลงจำนวน 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.2
สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 595 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 394 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 195 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ส่วนมูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในเดือนมิถุนายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 24,589 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 21,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,499 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 40,916 ล้านบาท ลดลงจำนวน 16,327 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เดือน มิ.ย. 61 มีจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ 1,392 ราย เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 1,014 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 378 ราย คิดเป็นร้อยละ 37 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 1,548 ราย ลดลงจำนวน 156 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 134 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 84 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจค้าสลาก จำนวน 57 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 ตามลำดับ
สำหรับ มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนมิถุนายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,486 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 4,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 4,054 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 91 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 8,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 402 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5
ในส่วนกิจการที่จัดตั้งใหม่ในครึ่งปีแรก จำนวน 37,548 ราย เมื่อเทียบกับครึ่งหลังปี 2560 จำนวน 38,575 ราย ลดลงจำนวน 1,027 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 และเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2560 จำนวน 35,942 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 1,606 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 3,458 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,211 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 1,006 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
สำหรับ มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ ในครึ่งแรกปี 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 142,872 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งหลังปี 2560 จำนวน 355,409 ล้านบาท ลดลงจำนวน 212,537 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60 และเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2560 จำนวน 164,281 ล้านบาท ลดลงจำนวน 21,409 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13
ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท มีจำนวน 36,862 ราย คิดเป็นร้อยละ 98.17 รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 580 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.55 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 106 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.28 โดยธุรกิจที่ทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีจำนวน 18 ราย
ในส่วนของธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ ครึ่งปีแรก มีจำนวน 6,289 ราย เมื่อเทียบกับครึ่งหลังปี 2560 จำนวน 14,963 ราย ลดลงจำนวน 8,674 ราย คิดเป็นร้อยละ 58 และเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2560 จำนวน 6,481 ราย ลดลงจำนวน 192 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ส่วนประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 651 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.73 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 420 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.12 และธุรกิจค้าสลาก จำนวน 176 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.47 ตามลำดับ
สำหรับ มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในครึ่งแรกปี 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 39,328 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งหลังปี 2560 จำนวน 70,259 ล้านบาท ลดลงจำนวน 30,931 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44 และเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 2560 จำนวน 31,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 7,796 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 5,907 ราย คิดเป็นร้อยละ 93.93 รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 333 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.29 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 49 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.78 โดยธุรกิจที่ทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีจำนวน 3 ราย
ส่วนธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 61)จำนวน704,249 ราย มูลค่าทุน 17.78 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 184,302 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.17 บริษัทจำกัด จำนวน 518,742 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.66 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,205 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 และธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 622,355 ราย คิดเป็นร้อยละ 88 รวมมูลค่าทุน 1.01 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 รองลงมาคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 67,462 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 รวมมูลค่าทุน 1.81 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 14,432 ราย คิดเป็นร้อยละ 2 รวมมูลค่าทุน 14.96 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84 ตามลำดับ
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- มิ.ย. 61) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท จำนวน 37,548 ราย เพิ่มขึ้น จำนวน 1,606 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.60) ซึ่งมีจำนวน 35,942 ราย ซึ่งมีทิศทางสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอย่างชัดเจนจากภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว ส่วนในด้านการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มความเชื่อมั่นที่ดีจากการลงทุนที่กระจายตัวในแต่ละภูมิภาค หลังจากรัฐบาลเร่งรัดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง และในด้านการบริโภคภาคเอกชนได้รับปัจจัยบวกจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ โครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐของกระทรวงพาณิชย์ที่จะกระจายเม็ดเงินจากการรับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแบบใช้โทรศัพท์มือถือ หรือแอปพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” จากเดิมที่ใช้จ่ายซื้อสินค้าที่มีเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) เท่านั้น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2561
ผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในวงกว้างมากขึ้นในปีนี้จะช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างดี กรมฯ จึงประมาณการการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจตลอดปี 2561 ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 80,000 ราย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *