xs
xsm
sm
md
lg

สสว.คาด GDP SME ปี 61 โตทะลุ 5.0-5.5% จากธุรกิจภาคบริการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สสว.เผย GDP SMEs ไตรมาส 1 ปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 6.0 แต่คาดการเติบโตทั้งปี 61 ไว้ที่ 5.0-5.5% ปัจจัยจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการค้าและภาคการบริการ โดยเฉพาะในสาขาการท่องเที่ยว และธุรกิจขนส่ง ประกอบกับการบริโภคของประชาชน การลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง

นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เปิดเผยว่า มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของ SME ไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 6.0 โดยมีมูลค่า 1.74 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.8 ของ GDP รวมทั้งประเทศ ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการค้าและภาคการบริการ โดยเฉพาะในสาขาการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และธุรกิจขนส่ง ซึ่งแม้ว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แต่ยังคงขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 12.8 และ 7.1 ตามลำดับ

ส่วนมูลค่าการส่งออกของ SME ใน 5 เดือนแรก ปี 2561 (มกราคม-พฤษภาคม 2561) มีมูลค่า 25,467.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.5 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และขยายตัวเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 7.8 ตลาดส่งออกสำคัญอยู่ในกลุ่มตลาดอาเซียน มีมูลค่า 7,576 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 6.0 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.7 รองลงมาคือ ประเทศจีน มีมูลค่า 3,019 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.9 สำหรับสินค้าส่งออกที่สำคัญของ SME อยู่ในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ มีมูลค่า 4,413 ล้านดอลลาร์ หดตัวลงร้อยละ 1.5 เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนมาก ในขณะที่มูลค่าการส่งออกพลอยและเครื่องประดับแท้ทำด้วยเงินและทองเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เมื่อหักทองคำออกจะทำให้หมวดอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) มีการขยายตัวร้อยละ 9.7 ส่วนการส่งออกสินค้าสำคัญที่มีการขยายตัวได้ดี คือ หมวดพลาสติก และของทำด้วยพลาสติก มีมูลค่า 2,346 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 23.0 รองลงมาคือ หมวดยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 19.0

สำหรับสถานการณ์การส่งออกมีการขยายตัวทุกตลาด สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างชัดเจน อีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดยุโรปขยายตัวได้ดีจากการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวดีขึ้น และเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีของประเทศกลุ่มอาเซียน

ขณะที่ด้านการนำเข้าของ SME ใน 5 เดือนแรกปี 2561 (มกราคม-พฤษภาคม 2561) มีมูลค่า 31,378.64 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.7 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2560 ร้อยละ 18.6 ตลาดนำเข้าสำคัญอยู่ในกลุ่มตลาดอาเซียน มีมูลค่า 8,009 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 13.2 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.7 รองลงมาคือ ประเทศจีน มีมูลค่า 7,668 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.1 เมื่อพิจารณาตามโครงสร้างการนำเข้า พบว่าเป็นกลุ่มวัตถุดิบ และสินค้ากึ่งสำเร็จรูป มีสัดส่วนร้อยละ 40.3 ขยายตัวร้อยละ 18.3 กลุ่มสินค้าทุน มีสัดส่วนร้อยละ 24.9 ขยายตัวร้อยละ 18.2 กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมีสัดส่วนร้อยละ 16.7 ขยายตัวร้อยละ17.6 และกลุ่มสินค้านำเข้าอื่นๆ มีสัดส่วนร้อยละ 18.1 ขยายตัวร้อยละ 20.7

“สถานการณ์การนำเข้าของ SME มีการขยายตัวทุกตลาดสำคัญ และทุกประเภทสินค้าสำคัญ อีกทั้งโครงสร้างนำเข้าก็ปรับตัวสูงขึ้นทุกกลุ่มสินค้า เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวจากการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนภาครัฐ อีกทั้งค่าเงินบาทยังแข็งตัวต่อเนื่องและยังมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำส่งผลดีต่อการนำเข้า แต่จะเห็นได้ว่า SME ไทยนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนสูงสุดร้อยละ 25.6” ผอ.สสว.กล่าว

อย่างไรก็ตาม สสว.ยังคงประมาณการการเติบโตของ GDP SME ในปี 2561 ไว้ที่ 5.0-5.5% เนื่องจากธุรกิจในภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ตัวแทนธุรกิจการเดินทาง ธุรกิจจัดนำเที่ยวและการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งกิจกรรมการบริการด้านสุขภาพ ในด้านภาคการผลิต อุตสาหกรรมผักและผลไม้กระป๋อง ผลิตภัณฑ์ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้, ผลไม้กระป๋องเป็นกลุ่มสาขาที่มีอัตราการเติบโตของกำไร รายได้ และ GDP ที่สูง และยังมีแนวโน้มการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะส่งผลถึงการเติบโตของ SMEs ในสาขาก่อสร้างและสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *




กำลังโหลดความคิดเห็น