เมื่อเทคโนโลยีตู้ขายของอัตโนมัติถูกพัฒนาไม่หยุดยั้ง จากความสะดวกในการจำหน่ายสินค้า โดยไม่ต้องจ้างคนเฝ้า กระบวนการสั่งซื้อทุกอย่างลูกค้าเป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่ต้นจนจบ สะดวกทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ล่าสุดล้ำไปอีกขั้น กับ “ตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ” แห่งแรกในไทย ทำให้คนเมืองได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
ด้วยความที่ “พัณณิตา ศิลป์ฟ้าพานิช หรือ คุณจอย” เจ้าของธุรกิจตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ แบรนด์ Green Up เป็นคนรักต้นไม้จึงเลือกเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์สิ่งแวดล้อม แต่กลับมาทำงานฟิล์มติดอาคาร แต่ก็ยังไม่ทิ้งความชอบเคยทำธุรกิจเล็กๆ ที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้ โดยการออกแบบต้นไม้ไม่ว่าจะเป็นกระถาง ไม้ดอกไม้ประดับที่เหมาะสมกับเทศกาล ให้ลูกค้ามอบเป็นของขวัญตามงานต่างๆ แม้กระทั่งงานศพ เธอก็เลือกต้นโมก แทนการให้พวงหรีด ซึ่งลูกค้าประจำเป็นบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ย่านอโศก
นอกจากนี้ยังใช้เวลาว่างเป็น NGO ให้กับองค์กรที่ชื่อว่า WWF ทำให้ได้เรียนรู้และเข้าใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้รักและหวงแหนโดยไม่รู้ตัว จึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งให้คนไทยรักธรรมชาติมากขึ้น เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการปลูกต้นไม้ แต่สำหรับคนเมืองถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะการหาซื้อที่ต้องออกไปนอกเมือง ประกอบกับต้นไม้หลายชนิดก็ไม่เอื้อกับการปลูกในที่พักอาศัยที่มีบริเวณแคบ อย่างใน คอนโค หรืออาคารพาณิชย์ ทั้งๆ ที่ต้นไม้บางชนิดสามารถปลูกได้
กระทั่งเธอได้มีโอกาสเข้าไปติดฟิล์มกระจกตามอาคารสูง องค์กรใหญ่ๆ และห้างสรรพสินค้า ก็พบว่าทำเลในห้างเป็นแหล่งรวมของคนเมืองมารับประทานอาหาร เดินชอปปิ้ง และทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นหากมีร้านขายต้นไม้ก็น่าจะเป็นโอกาสให้คนเมืองเข้าถึงต้นไม้ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น
แต่ครั้นจะให้เปิดร้านหรือคีออสเล็กๆ จ้างพนักงานหน้าร้านมาขายต้นไม้ อาจจะเป็นเรื่องยากเพราะต้องมีความรู้เรื่องต้นไม้ระดับหนึ่ง สามารถให้ข้อมูลลูกค้าได้ รวมถึงค่าเช่าที่ให้ห้างสรรพสินค้าค่อนข้างสูงอาจไม่คุ้มทุน เธอจึงตัดสินใจทำ “ตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ” โดยนายกฤษนะ รัตนพัฒน์ หรือ คุณดำ แฟนหนุ่ม ช่วยออกแบบและเขียนโปรแกรม 'แชทบอท' (Chatbot) ระบบการสนทนาโต้ตอบกับลูกค้าอัตโนมัติ ตอบโจทย์ลกค้ายุค 4.0
“จากที่เคยสังเกตร้านค้าทั่วไป หากมีพนักงานคอยเดิมตามเพื่อรอให้ลูกค้าสอบถามรายละเอียด จะทำให้ลูกค้าอึดอัดและไม่ค่อยอยากจะซื้อ ดังนั้นการทำตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติน่าจะเป็นทางออกที่ดี ดังนั้นพวกเราจึงเริ่มลงมือวาดแบบ และเขียนโปรแกรมทันที อาศัยการลองผิดลองถูกเพราะเป็นเครื่องที่ยังไม่เคยมีในตลาด โดยเน้นการออกแบบให้น่าสนใจ สะดุดตา เพื่อดึงดูดลูกค้า เพราะไม่มีพนักงานเชิญชวนลูกค้า ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต้องโดดเด่น เชื้อเชิญให้ลูกค้ากล้าเข้ามาทดลองใช้งาน และเกิดการสั่งซื้อในที่สุด”
ตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ แบรนด์ Green Up เครื่องแรกประเดิมที่เซ็นทรัลเวิร์ล ชั้น 3 หน้า ZENเป็นตู้ที่ถูกแบ่งออกเป็น12 ช่อง ภายในบรรจุต้นไม้ ดอกไม้ กล้วยไม้หลากหลายชนิด เน้นต้นไม้ที่เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก พร้อมมีรายละเอียดการดูแลต้นไม้ระบุไว้อย่างละเอียด เช่น สับปะรดสี ต้นส้ม ไฮเดนเยีย เป็นต้น ซึ่งผู้หญิงจะซื้อไม้ดอก ส่วนผู้ชายจะชื่นชอบไม้ผล ขณะที่กระถางก็จะออกแบบให้ดูน่ารักและเข้ากับต้นไม้ชนิดนั้นๆ
“ต้นไม้ที่เรานำมาใส่ในตู้นั้น เป็นต้นไม้ที่เราเลือกสรรมาเป็นอย่างดี เลือกต้นที่แข็งแรง และฟอร์มดีที่สุดมาจำหน่าย ซึ่งทุกวันจะมีพนักงานมาคอยรดน้ำ เติมต้นไม้ และดูแลต้นไม้ให้ โดยหลังจากที่ดำเนินธุรกิจนี้มาได้ประมาณ 3 เดือน ก็มีคนรู้จักมากขึ้น และตัดสินใจซื้อต้นไม้จากตู้อัตโนมัติ โดยเฉลี่ยจะขายได้ประมาณ 5-6 ต้น (สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล) ขณะที่สาขาเมกะบางนา ที่เพิ่งขยายสาขาล่าสุด เป็นตู้ขนาดใหญ่ขึ้นมี 18 ช่อง จะขายได้มากกว่า โดยกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นครอบครัว แม่และเด็ก ผู้สูงอายุ และคู่รัก ล่าสุดได้ขยาย CentralFestival EastVille”
ส่วนขั้นตอนการซื้อต้นไม้จากตู้อัตโนมัติ Green Up ก่อนอื่นลูกค้าต้องเข้าไปที่เฟซบุ๊ก “Greenupworld”
อินบ็อกซ์ข้อความเข้าไป จะมีระบบตอบกลับอัตโนมัติ (Chat Bot) จากนั้นพิมพ์รหัสตู้ที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ และพิมพ์หมายเลขต้นไม้ที่ต้องการซื้อจากนั้นชำระด้วยเงินสดที่ตู้ หรือจ่ายผ่านพร้อมเพย์ได้ตามสะดวก เมื่อชำระเรียบร้อยแล้วตู้จะเปิดอัตโนมัติ ก็หยิบต้นไม้ออกมาโดยจะมีถุงกระดาษแขวนเตรียมไว้ให้บริเวณตู้ เพียงเท่านั้นคนกรุงก็สามารถซื้อต้นไม้ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกนอกเมืองเพื่อเลือกซื้อต้นไม้
หรือใครที่ยังไม่สะดวกซื้อต้นไม้กลับในทันที เพราะต้องไปทำกิจกรรมอื่นในห้างก่อน ก็สามารถจองต้นไม้ที่หมายปองไว้ได้ จากระบบอัตโนมัติที่ถูกออกแบบเพื่อรองรับบริการดังกล่าว โดยราคาเริ่มต้นที่ 100-500 บาท/ต้น แต่หากใครที่ไม่ได้อยู่ในทำเลที่มีตู้ของ Green Up ตั้งอยู่ แต่ต้องการต้นไม้ก็สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ Facebook
: @greenupworld) และให้จัดส่งไปที่บ้านได้ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 
“การที่ตู้ของเราไม่ได้ออกแบบให้มีหน้าจอทัชสกรีน แต่ใช้ระบบอินบ็อกซ์ผ่านเฟซบุกนั้น เป็นความตั้งใจของเราทั้งคู่ที่ต้องการติดตามผลหลังการซื้อต้นไม้ไปแล้ว สามารถสอบถามขั้นตอนการดูแลและปรึกษาปัญหาเรื่องต้นไม้ได้ เนื่องจากเรามองว่าลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นมือใหม่ ดังนั้นจึงต้องการที่ปรึกษาดีคอยตอบคำถาม และช่วยกันดูแลต้นไม้ให้เจริญงอกงามตามที่ตั้งใจไว้ของทั้ง 2 ฝ่าย”
อนาคตพวกเขามองว่าตู้ขายต้นไม้อัตโนมัติ ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในต่างประเทศซึ่งอาจต่อยอดไปในเรื่องของการเป็นผู้ผลิตตู้ และส่งออก เพียงแค่ปรับในเรื่องของภาษาซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย
***สนใจติดต่อ FB: Greenupworld และLine: @greenupworld***
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
