xs
xsm
sm
md
lg

ก.อุตฯ ยกระดับสินค้าเกษตรแปรรูป นำร่องบุก 2 จังหวัดภาคเหนือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 นายพรเทพ การศัพท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรมบุก 2 ธุรกิจภาคเหนือ ยกระดับอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรยุค Industry 4.0 ดึงศักยภาพวัตถุดิบในพื้นที่มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น หวังสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

นายพรเทพ การศัพท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โครงการโอ-ปอย (OPOAI) ได้จัดทีมที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าไปให้ความช่วยเหลือให้คำแนะนำสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการผ่านแผนงาน 7 ด้าน ประกอบด้วย 1. แผนงานการบริการจัดการลอจิสติกส์ 2. แผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 3. แผนการปรับปรุงคุณภาพและพัฒนางาน 4. แผนการลดต้นทุนพลังงาน 5. การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์/ระบบมาตรฐานสากล 6. แผนกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาด และ 7. แผนการบริหารจัดการด้านการเงิน ซึ่งการทำงานของทีมที่ปรึกษาจะเข้าไปศึกษาข้อมูลของสถานประกอบการจากคณะผู้บริหารของสถานประกอบการ เพื่อดูว่าสมควรที่จะเข้าพัฒนาในแผนงานไหนมากที่สุด เมื่อได้ข้อสรุปทางทีมที่ปรึกษาจะมีแผนการดำเนินงานให้ปฏิบัติจริง และติดตามผลพร้อมทั้งคำปรึกษาเป็นระยะๆ รวมระยะเวลาในการปฏิบัติงานโดยประมาณ 4-6 เดือน จึงจะเสร็จสิ้นโครงการ

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2560 ผลลัพธ์ที่ได้จากการดำเนินโครงการในระยะเวลา 1 ปีสามารถลดต้นทุนเพิ่มรายได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สถานประกอบการ โดยสามารถวัดมูลค่าเชิงเศรษฐกิจเป็นตัวเงินได้กว่า 459 ล้านบาท ซึ่งหากเปรียบเทียบกับวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการพัฒนา 40 ล้านบาท ให้ผลประโยชน์มากถึง 11.48 เท่าของวงเงินงบประมาณ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 171 ราย เฉลี่ยแล้วแต่ละรายสามารถลดต้นทุนเพิ่มรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มได้เฉลี่ยรายละ 2.45 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปี 2560 สามารถลดต้นทุนเพิ่มรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สถานประกอบการได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถวัดมูลค่าเชิงเศรษฐกิจเป็นตัวเงินได้กว่า 4,914 ล้านบาทจากวงเงินงบประมาณรวมทั้งหมดที่ได้รับ 394.60 ล้านบาท ให้ผลประโยชน์มากถึง 12.45 เท่าของวงเงินงบประมาณ มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 1,505 ราย เฉลี่ยแล้วแต่ละรายสามารถลดต้นทุนเพิ่มรายได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มได้เฉลี่ย 3.27 ล้านบาท

สำหรับในปีงบประมาณ 2561 มีสถานประกอบการ SMEs อุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 200 ล้านบาท ทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการจำนวน 120 ราย 120 แผนงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการให้คำปรึกษากับสถานประกอบการ โดยในวันนี้ได้มีการเยี่ยมชมและติดตามผลการดำเนินงานของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 2 แห่ง คือ บริษัท โอเมกา 3.6.9 แอนด์ไลโคปีน จำกัด และบริษัท มหาบูรพาผลิตภัณธ์อาหาร จำกัด ทั้ง 2 รายเป็นสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในปี 2560 และเป็นโรงงานที่มีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ Best Practice ทั้ง 2 โรงงาน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการได้เป็นอย่างดี ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม
เยี่ยมชม บริษัท โอเมกา 3.6.9 แอนด์ ไลโคปีน จำกัด โดยมีนายนายวิชัย ใจวิสุทธิ์หรรษา  กรรมการผู้จัดการ ให้การต้อนรับ
 
นายวิชัย ใจวิสุทธิ์หรรษา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเมกา 3.6.9 แอนด์ ไลโคปีน จำกัด กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมอาหารเสริม ผลิตน้ำมัน โอเมกา 3.6.9 จากถั่วดาวอินคา สำหรับบริษัทเริ่มต้นธุรกิจในปี 2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท จำหน่ายผลิตภัณฑ์เองร้อยละ 90 และรับจ้างผลิตร้อยละ 10 มียอดขาย 10 ล้านบาทต่อปี (เมื่อปี 2560) โดยมีตลาดในประเทศ 97% ต่างประเทศ 3% โดยใช้วัตถุดิบจากพื้นที่ในจังหวัดกำแพงเพชร และพื้นที่ใกลคียง โดยเข้าร่วมโครงการโอ-ปอยในปี 2560 คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จากการวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทฯ พบว่าพนักงานคัดแยกเมล็ดถั่วดาวอินคา มีปัญหาเรื่องความสูงของโต๊ะคัดแยก ซึ่งได้แก้ไขโดยให้มีการเปลี่ยนมาใช้เก้าอี้ที่สามารถปรับระดับความสูงได้ และมีการนำเครื่องเขย่าร่อนเมล็ดถั่วดาวอินคาเพื่อลดเวลาในการคัดแยกเมล็ด นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องจักรที่ใช้ในการบีบอัดน้ำมัน เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ จึงได้ทำการเปลี่ยนมาใช้ไฮโครลิกขนาดเล็กแทน เพื่อลดปัญหาเครื่องจักรหยุด บริษัทฯ สามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้ให้สถานประกอบการได้ 94,080 บาท/ปี
เยี่ยชมบริษัท มหาบูรพาผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด โดยมีนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกรรมการบริหาร ให้การต้อนรับ
 
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มหาบูรพาผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า บริษัทเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2530 ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยโรงงานตั้งอยู่ศูนย์กลางของพื้นที่เพาะปลูกที่มีความหลากหลายของวัตถุดิบผักและผลไม้ต่างๆ ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการเพาะปลูกในพื้นที่ของเราเองและทำสัญญาการเพาะปลูกกับเกษตรกรในพื้นที่เพื่อเป็นการจัดหาวัตถุดิบป้อนเข้าโรงงานได้อย่างสม่ำเสมอ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับความเป็นผู้นำในการเป็นผู้ผลิตผักและผลไม้กระป๋องโดยการจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้รับมาตรฐาน BRC, เกรดเอ GMP และ HACCP บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตผักผลไม้กระป๋องที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ซื้อทั่วโลกมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการใน 2 แผนงาน ประกอบด้วย แผนงานที่ 1 การบริหารจัดการลอจิสติกส์ (Best Practice) ได้มีการปรับปรุงน้ำหนักในการบรรจุกระป๋อง โดยปรับน้ำหนักให้ได้ตามมาตรฐานทั่วไป 1825-1875 g/กระป๋อง มีการปรับลดสัดส่วนการถือครองสารปรุงแต่ง น้ำตาลและเกลือ โดยปรับการสั่งซื้อและจัดเก็บให้เหมาะสมกับความต้องการ และเรื่องสุดท้าย มีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดวางและขนย้ายกระป๋อง เพื่อลดการบุบของกระป๋อง ซึ่งจากการดำเนินงานทั้งหมดคิดเป็นความสูญเสียที่ลดลงและมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 3,864,684 บาทต่อปี
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *




กำลังโหลดความคิดเห็น