xs
xsm
sm
md
lg

ธพว.คลอดบริการใหม่ชำระเงินผ่าน Internet Banking เสิร์ฟสะดวก SMEs โชว์ผลงาน 11 เดือนกำไร 1.5 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายสมชาย หาญหิรัญ (กลาง) ประธานกรรมการ ธพว.  และ นายมงคล ลีลาธรรม (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธพว. ร่วมแถลงข่าว
ธพว.โชว์ผลงาน 11 เดือนกำไรกว่า 1.5 พันล้านบาท ลดหนี้เสียเหลือ 1.88 หมื่นล้านบาท ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่เกินหมื่นราย พร้อมชูบทบาทเสริมแกร่งผู้ประกอบการทะลุเป้ากว่า 4,200 รายต่อยอดร่วมลงทุน และให้เงินในระบบนิเวศพัฒนา SMEs Ecosystem กว่า 600 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ ชำระเงินทันใจผ่าน Internet Banking ช่วยเพิ่มความสะดวกและลดต้นทุนให้ SMEs
สาธิตบริการ ระบบ Internet Banking ที่จะเปิดให้บริการแก่ SMEs ในต้นปี 2560
นายสมชาย หาญหิรัญ ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานเดือนพฤศจิกายน 2559 มีกำไรสุทธิรวม 1,594 ล้านบาท เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันกับปี 2558 มีกำไรสุทธิรวม 1,248 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 346 ล้านบาท คิดเป็น 27.72% ทั้งนี้เป็นผลมาจากธนาคารสามารถขยายสินเชื่อคุณภาพเพิ่มขึ้น และบริหารจัดการหนี้ NPL ได้ตามเป้าหมาย โดยเดือน พ.ย. 2559 มียอด NPL ลดลงเหลือ 18,892 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันกับปีที่แล้วมียอด NPL 26,154 ล้านบาท ลดลง 7,262 ล้านบาท ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรวม 31,000 ล้านบาท แก่ลูกค้าจำนวน 10,000 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 3.1 ล้านบาท

นอกจากนั้น ธนาคารฯ ยังเน้นบทบาทการเป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs โดยในปี 2559 ณ สิ้น พ.ย. 2559 นั้น ตั้งแต่ต้นปี 2559 ธนาคารมีกิจกรรมต่างๆ เช่น อบรม สัมมนา และให้คำปรึกษาแนะนำในโครงการต่างๆ ได้แก่ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ (Startup) โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (Regular/Stronger) โครงการปรับแผนธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถ SMEs (Turnaround) โครงการบัญชีเดียว โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาผลิตภาพการผลิต (Productivity Improvement Loan) ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมการพัฒนา รวมทั้งสิ้นจำนวน 4,298 ราย จากเป้าหมาย 4,000 ราย และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ รวมจำนวน 1,005 ราย และเพิ่มประสิทธิผลได้จำนวน 505 ราย ก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวน 500 ราย ยอดขายเพิ่มขึ้น 5% ต่อปีประมาณ 600 ล้านบาท และสร้างรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท อีกทั้งในปีหน้า (2560) ธนาคารมีนโยบายสั่งการให้ปรับแผนการพัฒนาผู้ประกอบการให้เข้มข้นขึ้น

ส่วนการร่วมลงทุนในกิจการ SMEs และสนับสนุนระบบนิเวศพัฒนา SMEs (SMEs Ecosystem) จำนวนกว่า 600 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินร่วมลงทุนในกิจการของผู้ประกอบการจำนวน 13 ราย วงเงิน 212 ล้านบาท และเตรียมนำเสนอขออนุมัติเพิ่มอีกจำนวน 7 ราย วงเงิน 135 ล้านบาท พร้อมทั้งให้เงินสนับสนุน Ecosystem จำนวน 350 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินการดังกล่าวได้ส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าสู่ช่องทางการขายผ่าน E-Commerce ในระดับสากล เช่น Alibaba.com และมีผู้ประกอบการจำนวน 8 รายได้รับรางวัล Asia Pacific ICT Alliance Awards (APITA) ที่ประเทศไต้หวัน

นายสมชายกล่าวอีกว่า นอกจากการช่วยพัฒนาผู้ประกอบการให้แข็งแกร่งและเข้าร่วมลงทุนในกิจการ SMEs แล้ว ธพว.ยังได้เดินหน้าพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อรองรับการบริการแก่ลูกค้า เพื่อการตอบสนองการบริการลูกค้าผ่านระบบ Internet Banking ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวก มุ่งการพัฒนาสู่ยุค 4.0 รองรับนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อการก้าวสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs อย่างแท้จริง

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธพว. ให้ข้อมูลเสริมว่า การเพิ่มบริการชำระเงินทันใจผ่านระบบ Internet Banking ที่จะเปิดให้บริการในต้นปี 2560 เป็นบริการเพื่อเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่คำนึงถึงผู้ประกอบการเป็นสำคัญ โดยมีประโยชน์ถึง 5 ข้อ คือ (1) ความสะดวกที่ไม่ต้องใช้ใบแจ้งหนี้ ลูกค้าจะชำระเงินเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้ ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ (2) ความปลอดภัยที่ไม่ต้องถือเงินสดติดตัว (3) ประหยัดค่าธรรมเนียมเพียง 15 บาทเท่านั้น สามารถชำระได้หลายบัญชีในคราวเดียว ซึ่งลูกค้าธนาคาร 32% มีมากกว่า 1 บัญชีสินเชื่อ (4) ลูกค้าสามารถตรวจสอบประวัติการชำระเงินย้อนหลังได้ถึง 6 เดือน (5) ช่วยลูกค้ารองรับนโยบาย National E-Payment ของรัฐบาลในอนาคต โดยคาดว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการหลังเปิดให้บริการกว่า 10,000 ราย หรือกว่า 20,000 บัญชี เป็นจำนวนเงินกว่า 42,000 ล้านบาท
นายศักดิ์  เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.)
พร้อมกันนี้ ธพว.ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยการใช้ระบบคลาวด์ภาครัฐ (Government Cloud Service) กับ นายศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) เพื่อใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ สรอ.จัดวางไว้ในรูปแบบสาธารณูปโภคกลางที่เรียกว่าระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) แก่ ธพว. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐเพื่อมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาผู้ประกอบการในอนาคต 3 ประเด็นหลัก คือ (1) ใช้เป็นแหล่งข้อมูลองค์ความรู้ต่างๆ สำหรับให้ผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจที่จะเป็นผู้ประกอบการใหม่ได้ศึกษาเรียนรู้ แบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน (2) ใช้สำหรับให้ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการซอฟต์แวร์ หรือแอปพลิเคชัน โดย ธพว.จะสร้างระบบ SME Store ให้ผู้ประกอบการ (3) ใช้เป็นตลาดกลางในการค้าขายของผู้ประกอบการ โดยที่ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์เองทั้งระบบ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ระบบ IT เพื่อพัฒนาธุรกิจของตนเอง และอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business)

นอกจากนี้ ธพว.ยังได้แนะนำโปรแกรมการทำเอกสารการค้า ภาษี บัญชี งบการเงิน ให้แก่ผู้ประกอบการอย่างสมบูรณ์ เชื่อมโยงกับผู้มีส่วนได้เสียทางการค้าครบถ้วนถูกต้อง จากนายภีม เพชรเกตุ เจ้าของและผู้ก่อตั้ง peakengine.com ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดซอฟต์แวร์จากองค์กรส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์แห่งชาติ หรือ SIPA




* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น