ปัจจุบัน "ร้านชาบูบุฟเฟ่ต์" เกิดขึ้นมากมาย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่ละร้านมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป แต่“SHABU DE BEAR” ร้านชาบู ในแบบบุฟเฟ่ต์ ระดับพรีเมี่ยม โดยมีจุดขายตรงที่ รวมเมนูข้าวปั้น หรือซูชิญี่ปุ่น และชาบูหม้อไฟ มาไว้ด้วยกัน ด้วยจุดเด่น น้ำซุป 2 รสชาติ ต้มข่ากะทิ และ ต้มยำ ในราคาแบบไม่ธรรมดา หัวละ 599 และ 799 บาท ซึ่งถ้าไม่รวม ร้านชาบู ชื่อดัง ยังไม่เคยมีใครตั้งราคา ชาบูบุฟเฟ่ต์ สูงขนาดนี้มาก่อน
ครั้งนี้ เรามาทำความรู้จักกับ SHABU DE BEAR ผ่านการบอกเล่าของ เจ้าของหนุ่มไฟแรง ดีกรีนักการตลาด บริษัทยักษ์ใหญ่เมืองไทย อย่าง “นายฉัตรทิพย์ แม้นหมาย” เล่าถึงที่มาของ ร้าน SHABU DE BEAR ว่า ได้เปิดบริการมาได้ 3 สัปดาห์ ที่ศูนย์การค้า I’m Park @ Chula โดยจุดเด่นของเราอยู่ที่ การรวมเอาทั้งชาบู และ เมนูข้าวปั้นซูชิ มาไว้ในที่เดียว ในรูปแบบของบุฟเฟ่ต์ รองรับลูกค้าที่ชื่นชอบการกินอาหารบุพเฟต์ ในแบบ วันสต็อป คือ เข้ามาที่ร้านเราจะได้กินทั้ง ชาบู และได้กินซูชิ ในแบบต้นตำรับญี่ปุ่น ในที่เดียว
คุณฉัตรทิพย์ เล่าต่อว่า เดิมเคยเปิดร้านชาบู ที่ใช้ชื่อว่า ชาบูกู มาก่อน ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีมาก ด้วยราคาเริ่มต้น 279 บาท 399 และ 599 บาท ซึ่งมีสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ และครั้งนี้ ได้เปิดร้านชาบู อีกรูปแบบหนึ่ง ในราคาที่รองรับลูกค้ากลุ่มระดับพรีเมี่ยม ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ เช่น เนื้อวากิว เนื้อวาตะคาสุ เนื้อวัวแบล็กลิส หรือ ในส่วนของซูชิ เนื้อปลาแซลมอน เนื้อปลาไหล หอยเชลล์ ตับห่าน เป็นต้น ไว้บริการ โดยลูกค้าสามารถเลือกรับประทานแบบไม่อั้น ในเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที
“การนำทั้งซูชิ และชาบูมาไว้ในร้านเดียว จุดหนึ่งผมมองว่า คนไทยชื่นชอบทั้ง 2 เมนู แต่การเข้าร้านชาบู ที่เป็นบุฟเฟ่ต์ ก็จะได้กินแต่ชาบู หรือ ถ้าเข้าอาหารญีปุ่น ได้กินเมนูซูชิ ไม่ได้กินชาบู ซึ่งเราก็ต้องเลือกกินอย่างใด อย่างหนึ่ง และถ้าอยากกิน 2 อย่าง ก็ต้องกิน 2 ร้าน ซึ่งเป็นไปได้ยาก ดังนั้น เราจึงได้นำทั้ง 2 อย่าง มารวมไว้ด้วยกันในราคาคุ้มค่า กับเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายไป และที่สำคัญ สร้างจุดขายใหม่ที่ไม่เหมือนใคร หนีการแข่งขัน” ฉัตรทิพย์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เปิดขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจ โดยตั้งราคาแฟรนไชส์ เริ่มต้นที่ 300,000 บาท ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทาง คุณฉัตรทิพย์ อยากให้ผู้สนใจ ได้มีการพูดคุยกัน เพราะการเปิดร้านชาบู ในราคาขนาดนี้ ทำเลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การตั้งราคาขาย หรือการใช้วัตถุดิบ ทางเราจะเป็นผู้กำหนดและลูกค้าซื้อแฟรนไชส์ จะต้องใช้วัตถุดิบตามที่เราได้เลือกให้เท่านั้น เพื่อจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ มีผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์แล้ว 1 ราย โดยร้านตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 และทางเราเองมีแผนที่จะเปิดสาขาที่ 2 ของเราเอง ในเร็วๆ นี้ด้วย
ในส่วนของร้านต้นแบบ SHABU DE BEAR ที่ แอมพาร์ค จุฬาฯ นั้น ลงทุนไปประมาณ 4 ล้าน ตั้งเป้าการคืนทุนไว้ประมาณ 2 ปี ส่วนลูกค้ามีหลายกลุ่ม ไมว่าจะเป็นนักศึกษา คนทำงานในย่านนี้ และ วันหยุดจะได้กลุ่มครอบครัว ที่มาออกกำลังกาย ในสวนสาธารณะซึ่งกำลังจะเปิด ในบริเวณใกล้ๆ กันนี้ ส่วนราคาที่ค่อนข้างสูง ไม่ใช่ตัวแปรสำคัญ เพราะปัจจุบัน ราคาแบบนี้ ถือว่า อยู่ในระดับที่คนไทยจ่ายได้ และที่สำคัญการยกระดับขึ้นมาเป็นระดับพรีเมี่ยม คู่แข่งน้อยลง เพราะปัจจุบัน ตลาดชาบูที่ขายกันทั่วไป ราคาอยู่ที่ 199 บาท หรือ 299 บาท 399 บาท เท่านั้น การตั้งราคาขายขนาดนี้ ถือว่า เป็นการปฏิวัติวงการ ซึ่งได้มีทดสอบมาแล้ว จากการเปิดที่สาขาที่เชียงใหม่ มี ราคา 399 และ599 บาท ปรากฏว่า 599 บาท ได้รับการตอบรับที่ดีมาก พอมากรุงเทพฯ ปรับเป็น 599 บาท และ 799 บาท เชื่อว่า 799 บาท จะได้รับการตอบรับที่ดี เช่นกัน
“จากการที่ผมมีโอกาสสำรวจตลาด พบว่า ยังไม่เคยเห็นชาบูบุฟเฟ่ต์ ที่ได้รวมทั้ง 2 อย่างทั้งชาบู และ ซูชิไว้ด้วยกัน และที่ผมกล้าที่ตั้งราคาขนาดนี้ ไม่ใช่ว่า เพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น เพราะวัตถุดิบที่เราคัดเลือกมาคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพ ราคาค่อนข้างสูง เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่ลูกค้าจ่ายไป ซึ่งเมื่อเทียบกับร้านชาบูที่ขายในราคา 279 หรือ 399 บาท ที่ผมก็ทำอยู่ เราพบว่าได้ผลกำไรไม่ได้ต่างกัน คือ อยู่ที่ 30-40% แต่ที่เราทำชาบูระดับพรีเมี่ยม เพราะต้องการเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ต้องการของอาหารที่คุณภาพรับประทาน”
ทั้งนี้ "คุณฉัตรทิพย์" ยังบอกอีกว่า ก่อนที่จะเปิดร้านแห่งนี้ และตั้งราคาขาย 799 บาท เขาได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากได้เห็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างซีฟู้ดชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาตั้งราคาบุฟเฟ่ต์ของเขาในราคา 690 บาท ราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่ม ซึ่งร้านแห่งนี้มีคนเข้าเต็มร้านตลอดไม่แพ้ ร้านบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดที่ขาย 399 บาท เลยที่เดียว ดังนั้น การที่เราจะขยับขึ้นมาในอีกราคา น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้า เพราะสุดท้าย ลูกค้าก็จะเลือกในสิ่งที่เขาคิดว่า คุ้มกับเงินทีเขาจ่ายไป ไม่ใช่ราคาถูก หรือ แพง
นายฉัตรทิพย์ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับการเปิดร้านชาบูในครั้งนี้ทำไปพร้อมกับการทำงานประจำ โดยสามารถเซ็ทระบบและให้พนักงานบริหารกิจการของร้าน โดยที่ไม่ต้องดูแลตลอด ดังนั้น ผู้ที่ทำงานประจำและกำลังมองหาอาชีพเสริม การเปิดร้านชาบูก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
สนใจ โทร. 08-1687-8877
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *