xs
xsm
sm
md
lg

จัดหนัก 3,000 ตร.ม. ผุดอาณาจักรสร้างโอกาสเอสเอ็มอีไทยบุกแดนมังกร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายยงค์กิจ ธรรมพัฒนาภรณ์ กรรมการบริหาร ศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (ทีเอสทีซี )
ผุดศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน เนื้อที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ณ เมืองฝูซาน มณฑลกวางตุ้ง เปิดช่องเอสเอ็มอีสมัครนำสินค้าไปแสดงโชว์อวดสายตาแก่นักลงทุนแดนมังกรจาก 15 มณฑล จำนวนเฉลี่ย 800 รายต่อสัปดาห์ พร้อมให้คำปรึกษาและเป็นพี่เลี้ยงครบวงจร ระบุรับสมัคร 200 ราย ค่าธรรมเนียม 5 หมื่นบาทต่อปี คิกออฟ ม.ค. 60

นายยงค์กิจ ธรรมพัฒนาภรณ์ กรรมการบริหาร ศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (ทีเอสทีซี) เปิดเผยว่า ประเทศจีนเป็นตลาดกว้างใหญ่ มีจำนวนกว่า 20 มณฑล ประชากรร่วมกันกว่า 1,400 ล้านคน นับเป็นโอกาสมหาศาลของธุรกิจเอสเอ็มอีไทย อย่างไรก็ตาม จากข้อเท็จจริงในปัจจุบัน นักธุรกิจไทยที่ไปลงทุน หรือค้าขายกับธุรกิจจีน กว่า 95% จะพบความล้มเหลว สาเหตุหลักสำคัญ ได้แก่ ไม่เจอคู่ค้าตัวจริง การเจรจาการค้าไม่ลงตัว ขาดความไว้วางใจระหว่างกัน ขาดพี่เลี้ยง ไม่เข้าใจเรื่องมาตรฐานของเมืองปลายทาง และเรื่องการสื่อสาร เพราะชาวจีนจะใช้ภาษาจีนเท่านั้น

จากปัญหาดังกล่าว ภาครัฐของไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ และเอกชน ทั้งไทยและจีน ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (ทีเอสทีซี) (Thailand Smart Trade Center-TSTC) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยสามารถเข้าไปทำธุรกิจในตลาดประเทศจีนได้ โดยจะมีความช่วยเหลือทั้งการให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหา ตลอดจนสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีไทยที่ต้องการขยายตลาดไปยังจีนสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบ และถูกต้อง

ทั้งนี้ หนึ่งในโครงการที่จะช่วยขยายตลาดให้เอสเอ็มอีไทยที่จะไปจีนนั้น ทางศูนย์ฯ ได้จัดพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ที่เมืองฝูซาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยจะจัดให้เป็นแหล่งจัดแสดงสินค้าไทยที่ผ่านมาตรฐาน เพื่อให้นักธุรกิจจีนกว่า 15 มณฑลเข้ามาเยี่ยมชม เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจา หรือจับคู่ธุรกิจ นำไปสั่งซื้อสินค้า ทำธุรกิจร่วมกันต่อไป

นายยงค์กิจเผยต่อว่า พื้นที่จะจัดเป็นศูนย์แสดงสินค้าไทยดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการชอปปิ้งแลนด์ ซึ่งเป็นของ “คุณนิพนธ์ ธรรมพัฒนาภรณ์” นักธุรกิจชาวไทยที่ไปลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประสบความสำเร็จอยู่ที่เมืองจีนมานานกว่า 30 ปี มูลค่าของโครงการนี้กว่า 600 ล้านหยวน โดยคุณนิพนธ์ได้ให้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย คาดการณ์ว่าจะมีนักธุรกิจจีนเข้ามาเยี่ยมชมในศูนย์แห่งนี้เฉลี่ยประมาณ 800 รายต่อเดือน เพราะทำเลที่ตั้งเมืองนี้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการขนส่งของจีน

สำหรับการเปิดรับสมัครเอสเอ็มอีไทยที่จะเข้าร่วมแสดงสินค้าในศูนย์ฯ ดังกล่าวนั้นจะรับ 200 ราย ในหมวดสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าบริการ โรงแรม และที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว รวมกว่า 36 รายการ ปัจจุบันมีเอสเอ็มอีไทยที่ผ่านการคัดเลือกแล้วประมาณ 50 ราย โดยศูนย์ฯ จะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2560 ที่จะถึงนี้
นายนิพนธ์ ธรรมพัฒนาภรณ์  เจ้าของพื้นที่ทำโครงการ
นายยงค์กิจระบุด้วยว่า เอสเอ็มอีที่จะสมัครเข้าโครงการแสดงสินค้าในศูนย์ฯ ดังกล่าวจะต้องผ่านการคัดเลือกจากกรรมการ โดยมีเกณฑ์สำคัญ เช่น ต้องเป็นสินค้าไทยที่ได้มาตรฐาน มีตราสินค้า ผ่านมาตรฐานการนำเข้าส่งออก เป็นต้น โดยตัวผู้ประกอบการ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปี อยู่ที่ 10,000 หยวนต่อปี หรือประมาณ 50,000 บาทต่อปี (รวมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ) ได้รับสิทธิ์วางสินค้าจำนวน 20 SKU ในพื้นที่ 1 บูท

“แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ในแง่ของการซื้อสินค้าจากไทยนั้นไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคแต่อย่างใด เพราะคนจีนชื่นชอบ และมั่นใจในสินค้าไทยอยู่แล้ว อีกทั้งการที่ทีเอสทีซีเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงจะยิ่งทำให้เอสเอ็มอีไทยลดปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ลงไปได้อย่างมาก ที่สำคัญ เมืองฝูซานนับเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของจีน ตั้งอยู่ในทำเลที่เชื่อมต่อกับการคมนาคมขนส่งไปยังนครกว่างโจว ฮ่องกง และมาเก๊า ได้โดยสะดวก และห่างจากเมืองกว่างโจยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าและธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของจีนตอนใต้ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน จึงนับเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับเอสเอ็มอีไทยที่จะขยายตลาดไปยังประเทศจีนได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น” นายยงค์กิจกล่าว

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น