กระทรวงอุตสาหกรรม เผยมาตรการผลักดันและพัฒนาผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม หลังพบการกระจายความเข้มแข็งและประสิทธิภาพยังไม่ทั่วถึง เตรียมรุกยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ภายใต้กิจกรรม “พลิกธุรกิจสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 และ SME 4.0” พร้อมเปิดพื้นที่มหกรรมวันนัดพบผู้ประกอบการกลุ่มภาคตะวันออกเป็นแห่งแรกตั้งเป้าให้ผู้ประกอบการเข้าถึงกิจกรรมและบริการส่งเสริมจากภาครัฐในปี 2560 ไม่ต่ำกว่า 6,000 รายทั่วประเทศ
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรมและการยกระดับรายได้ของประชากรในประเทศให้สูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังนับได้ว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนในระดับภูมิภาคจากการสำรวจของกลุ่มบริษัทข้ามชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับต่างๆ ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาสู่ระดับภูมิภาคและการเข้าถึง SMEs รายย่อยที่มีความต้องการในการส่งเสริมเท่าที่ควร เนื่องจากความเจริญส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในจังหวัดใหญ่ๆ ซึ่งการกระจายความเข้มแข็งเข้าสู่ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในระดับภูมิภาคนั้น ถือเป็นการช่วยให้ระบบธุรกิจมีการกระจายตัวได้สม่ำเสมอ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในกลุ่มดังกล่าว เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเกิดความสมดุล ทั้งนี้ยังคงต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพ พร้อมทั้งการบริหารจัดการที่ดีและได้มาตรฐาน เพื่อให้ SMEs สามารถแข่งขันได้ท่ามกลางสภาวการณ์ที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสอดคล้องกับการเข้าสู่การค้าเสรีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมดำเนินการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “พลิกธุรกิจสู่อุตสาหกรรม 4.0 และ SME 4.0” พร้อมจัดมหกรรมวันนัดพบผู้ประกอบการ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเป็นกิจกรรรมที่นำหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการส่งเสริม SMEs เข้าร่วมเผยแผนการจัดการธุรกิจ การเผยแพร่โครงการ และการให้บริการในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการทั้ง SMEs และ OTOP เพื่อเป็นการสร้างความรู้และพัฒนาขีดความสามารถให้ผู้ดำเนินธุรกิจมีความพร้อมเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการของบริบทประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรมและมุ่งไปสู่การพัฒนาในทุกระดับทั่วภูมิภาคอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวงฯ ตั้งเป้าให้ SMEs สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ จากภาครัฐ ในปี 2560 ไม่ต่ำกว่า 6,000 ราย พร้อมมุ่งหวังให้สามารถใช้ประโยชน์จากบริการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถปิดจุดอ่อนในการดำเนินธุรกิจได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระดับภูมิภาคของอุตสาหกรรมไทยนั้นต้องใช้จุดแข็งที่มีอยู่ คือ การมีวัตถุดิบที่หลากหลายและมีคุณภาพ การมีแรงงานฝีมือ การมีภาคเกษตรและภาคบริการที่เอื้อต่อการต่อยอดการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน การมีทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยที่สามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวสามารถนำมาสร้างความได้เปรียบต่างๆ ให้เกิดขึ้นได้อย่างหลากหลาย อาทิ การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม การเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ฯลฯ โดยจะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การวิจัย และความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพทุกภาคส่วนให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน
ด้าน ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ภาคตะวันออก ถือเป็นแหล่งอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคที่สำคัญของประเทศ โดยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกว่า 226,000 ราย (ข้อมูลจาก สสว.) และถือเป็นฐานอุตสาหกรรมที่สำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เนื่องจากมีการลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก รวมถึงยังถือเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาที่หลากหลาย ทั้งโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ การมีโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ มีสภาพภูมิประเทศที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวและมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง รวมถึงเป็นแหล่งผลิตอาหารและการเกษตรที่สำคัญ โดยเฉพาะการเพาะปลูกผลไม้และยางพาราที่สามารถรองรับการบริโภค แปรรูป และส่งออก นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นในด้านนวัตกรรมการผลิตที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยและแนวทางอันดีที่เอื้อประโยชน์ไปสู่การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมระดับประเทศให้มีความเข้มแข็ง พร้อมเสริมสร้างให้มีการเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งจะก่อให้เกิดผลต่อการปรับโครงสร้างภาคการผลิตของอุตสาหกรรมได้ในระยะยาวต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *