มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับวิสาหกิจชุมชนที่ได้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการของศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนภาค 5 โดยครั้งนี้ได้ร่วมออกแบบบรรจุภัณฑ์ พร้อมกับตั้งชื่อโลโก้ให้กับผลิตภัณฑ์ ชาโมกข์แฮร์โทนิค ในชื่อใหม่ว่า TA’I TA’I ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศจีนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และได้ยกระดับจากราคา 600 บาท เป็น 1,100 บาท
ดร.ขาม จาตุรงคกุล อาจารย์สาขาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามโครงการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด สำหรับปีงบประมาณ2558 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 5 โดยคัดเลือกเพียง 10 วิสาหกิจที่ถูกประเมินว่ามีความเป็นไปได้ทางด้านธุรกิจส่งออกต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัท ชาโมกข์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในวิสาหกิจที่ถูกคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ โดยผลิตและจำหน่ายสินค้าหลายประเภท เช่น ยานวด ยาหม่อง สบู่ล้างหน้าสูตรมะหาด โลชั่นกันแดด แชมพูทำความสะอาดเส้นผม เสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง สารสกัดมะหาดเข้มข้น ผลิตภัณฑ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ ชาโมกข์แฮร์โทนิค เป็นผลิตภัณฑ์ยับยั้งผมร่วงเสริมสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งต้องการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อการส่งออกไปจำหน่ายที่ตลาดประเทศจีน
ดังนั้น เราจึงได้ทำการศึกษาสำรวจและออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์สินค้า ตั้งแต่ฉลากสินค้า ตราสัญลักษณ์ บรรจุภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วยลวดลายและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ยังคงความเป็นไทย แต่สามารถสื่อความหมายกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนจีนได้ และการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์การออกแบบในชื่อว่า “TA’I TA’I” (ไท ไท)
ดร.ขามกล่าวว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์เริ่มต้นจากโจทย์ของผู้ประกอบการและศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 5 ที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งขายในท้องถิ่นของประเทศให้สามารถส่งออกไปจำหน่ายที่ตลาดประเทศจีนได้ ดังนั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยรูปลักษณ์จะต้องถูกยกระดับเทียบเคียงสินค้าส่งออกเพื่อให้สามารถขายได้ โดยการออกแบบนี้ยังจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ด้วย จึงได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทและเจ้าของ สำรวจตลาด สำรวจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย พบปัญหาหลายประเด็น เช่น แบรนด์ ได้แก่ ชื่อซึ่งจากเดิมผลิตภัณฑ์จำหน่ายภายใต้ชื่อ “ชาโมกข์” โลโก้ ลวดลายการออกแบบ ภาพประกอบ ซึ่งยังไม่มีการสื่อสารข้อมูลและสร้างความโดดเด่น และรูปแบบของบรรจุภัณฑ์เดิมที่เหมือนแบรนด์อื่นๆ และดูราคาต่ำกว่าราคาที่กำหนดจะวางขายใหม่ ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหาคือการออกแบบอัตลักษณ์ตราสินค้าและองค์ประกอบต่างๆ ขึ้นใหม่ พร้อมเลือกโครงสร้าง วัสดุของบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ดูมีราคาสูงขึ้น 300%
“การออกแบบเป็นลายเส้นรูปต้นไม้พืชพรรณและเสือ โดยใช้ลวดลายแบบไทยๆ ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบจากเจ้าของกิจการซึ่งเกิดปีขาล รวมไปถึงการใช้โทนสีไทยเฉพาะแต่ละผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิกถูกออกแบบในโทนสีดำเนื่องจากวัตถุดิบทำมาจากข้าวเหนียวดำ ส่วนการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อว่า “TA’I TA’I” มาจากคำว่า ไท เป็นการตัดทอนการสะกดมาจาก ไทย อีกทั้งยังเป็นคำพ้องเสียงในภาษาจีนที่หมายถึง สันติสุข ไทไท เกิดจากการเล่นคำซ้ำ เพื่อให้เป็นชื่อที่จำง่าย ไทไท จึงเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย” ดร.ขามกล่าว
ทั้งนี้ จากการทดสอบตลาดเวชสำอางสมุนไพร โดยได้ทำการทดลองวางตลาดและทดลองใช้ ประเมินจากผู้เชี่ยวชาญของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 5 ครอบคลุมการประเมิน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพของเวชสำอางสมุนไพรของผลิตภัณฑ์นั้นที่สามารถจดขึ้นทะเบียนได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ด้านราคาที่ต้องมีกำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% และด้านภาพลักษณ์ภายนอกของอัตลักษณ์ตราสินค้าหรือแบรนด์ และบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดใจลูกค้ามากกว่าแบบเดิมและมีแนวโน้มให้ซื้อแบบรวมหน่วยมากยิ่งขึ้น จนได้ผลิตภัณฑ์พร้อมวางจำหน่ายและส่งออกไปยังประเทศจีนซึ่งให้การตอบรับสินค้าแบรนด์ TA’I TA’I เป็นอย่างดี นับว่าประสบความสำเร็จมากในตลาดประเทศจีน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิกซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าจากราคาขาย 600 บาท เป็น 1,100 บาท และกำลังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากตลาดอาหรับ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *