ชั่วโมงนี้ผ่านไปเส้นทางไหนจะพบเจอ ร้านชา...ที่เปิดอยู่ทุกหนแห่ง หรือว่าถึงยุคของกระแสร้านชาที่ออกมาเบียดร้านกาแฟ จนทำให้มองไม่เห็นร้านกาแฟโดยเฉพาะกาแฟถุงกระดาษ และถ้าวันนี้ไม่นำเสนอเรื่องของ ร้านชา.. ก็คงจะตกกระแส และเพื่อเอาใจคนที่อยากเปิดร้านชา วันนี้มีเรื่องราวของแฟรนไชส์ ชาตันหยง .... มาฝาก
วันนี้ ถ้าพูดถึงร้านชา ...ชื่อ แฟรนไชส์ "ชาตันหยง" อาจจะยังไม่เป็นรู้จักมากเท่ากับแฟรนไชส์ชื่อดัง อย่าง.. ชาพะยอม การเปิดตัวของแฟรนไชส์ชาตันหยงเกิดขึ้นมาได้ไม่เกิน 2 ปี สาขาแฟรนไชส์ประมาณ 400 สาขา รูปแบบแฟรนไชส์เรียกว่าเหมือน หรือใกล้เคียงกับชาพะยอม เป็นอย่างมาก ...... เนื่องจากเป็นชาที่มีต้นกำเนิดมาจากปักษ์ใต้เหมือนกัน
สำหรับรูปแบบของแฟรนไชส์ร้านชาตันหยง คือ สูตรการชงชา และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีให้ลูกค้าแฟรนไชส์ได้เลือกเรียนถึงกว่า 100 เมนู แต่ที่ฮอตฮิต และแฟรนไชส์นำไปเป็นเมนูเด่นของทางร้านจะมีอยู่กันเพียงแค่ 20 กว่า เมนูเท่านั้น แน่นอนเป็นร้านชา จุดเด่นอยู่ที่เครื่องดื่มชา ซึ่งทางเจ้าของได้พยายามคัดเลือกผงชาคุณภาพ เพื่อมาเอาใจคนที่ชื่่นชอบเครื่องดื่่มชา และเพื่อรับมือกับคู่แข่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
"นางวลัยลักษณ์ วิณิชชาภิวงศ์" เจ้าของแฟรนไชส์ ชาตันหยง (CHATAYONG) เล่าถึงจุดเริ่มต้นแฟรนไชส์ชาตันหยง ว่า เกิดขึ้นมาจากตนเองเป็นคนจังหวัดพัทลุง ซึ่งเครื่องดื่มมื้อเช้าที่คนใต้นิยมดื่มกันมากที่สุดคือ ชา และครอบครัวก็ทำธุรกิจผงชา ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าเรามีผงชาที่คุณภาพดี ที่น่าจะโดนใจคนที่ชื่นชอบการดื่มชาในแบบฉบับของคนใต้ จึงได้ตัดสินใจทดลองเปิดร้านชา ซึ่งในช่วงนั้นกระแสของร้านชาก็เริ่มมาแรงอยู่แล้ว แต่เรายังไม่ได้เปิดแฟรนไชส์ แต่เลือกเปิดร้านขายเองก่อน ซึ่งร้านแรกที่เปิดอยู่ในซอยเรวดี จังหวัดนนทบุรี ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีมาก เลยตัดสินใจเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งในกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ทุกที่เป็นลักษณะของการเช่าพื้นที่ ปัญหาคือบางแห่งพอเช่าไปสักระยะหนึ่งเริ่มขายดี เจ้าของที่จะขอพื้นที่ขายคืน ทำให้ต้องย้ายที่ขายไปเรื่อยๆ ประกอบกับ การบริหารร้านเองหลายสาขา การจะดูแลให้ทั่วถึงทุกสาขาคงเป็นไปได้ยาก และในช่วงที่ผ่านมากระแสแฟรนไชส์ร้านชาแบรนด์ดังเริ่มมาแรง ก็เลยตัดสินใจว่าถ้างั้นลองขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์ เพราะมั่นใจว่าคุณภาพชาของเราสามารถแข่งขันกับแฟรนไชส์ร้านชารายอื่นๆได้
“ที่ผ่านมาเรากล้าการันตีคุณภาพเครื่องดื่มโดยเฉพาะเมนูชา (เพราะเราเป็นร้านชาเนอะ) ว่าสามารถแข่งกับแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างแน่นอน โดยกล้าบอกกับลูกค้าที่มาซื้อแฟรนไชส์ของเราเสมอว่า ถ้าเลือกทำเลนั้นทำได้ไม่ยาก ดูว่าตรงไหนที่มีร้านเครื่องดื่มลักษณะเดียวกับ หรือใกล้เคียงกับแบรนด์ของเรา เปิดขายอยู่ และเขาขายดี เราก็เปิดใกล้เคียงตรงนั้นได้เลย เพราะมั่นใจว่าชาตันหยงของเราแข่งกับเขาได้อย่างแน่นอน” คำบอกเล่าของคุณวลัยลักษณ์ที่ออกมาสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าแฟรนไชส์ของเธอ
สำหรับเป้าหมายการขยายสาขา แฟรนไชส์ ตั้งเป้าว่าภายในไม่เกินปี (2560) จะสามารถขยายสาขาแฟรนไชส์ให้ได้ 1,000 สาขา ส่วนรูปแบบแฟรนไชส์ของชาตันหยง มีอยู่ด้วยกัน 2 ราคา คือ ราคา 49,000 บาท อุปกรณ์การชง, หม้อต้มชา 3 ใบ, ผงชา, แก้ว, ถ้วยตวงนม, ถ้วยตวงชา, แก้วชง, ไวนีล ธงญี่ปุ่น (150x50cm) ฯลฯ อื่นๆ พร้อมกับสอนสูตรการชงเครื่องดื่ม 100 สูตร ซึ่งลูกค้าแฟรนไชส์จะเลือกนำไปใช้จริงประมาณ 20 สูตร เป็นสูตรที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า แต่ถ้าเรียนทั้งหมดก็ได้เช่นกัน เมนูเด่นของร้านคือ ชาแดง และชาเขียว ส่วนแบบที่ 2 ราคา 69,000 บาท ลูกค้าแฟรนไชส์จะได้รับ เคาน์เตอร์ อุปกรณ์การชง, ผงชา, แก้ว, หม้อต้มชา 3 ใบ, ถ้วยตวงนม, ถ้วยตวงชา, แก้วชง, ไวนีล ธงญี่ปุ่น (150x50cm) ฯลฯ อื่นๆ
“วลัยลักษณ์” บอกกับเราว่า ที่ผ่านมาลูกค้าเลือกแฟรนไชส์ราคา 49,000 บาทเพราะส่วนใหญ่จะไปตกแต่งร้านเอง หรือไม่ก็จะขายในรถ ซึ่งเงินที่เราเรียกเก็บตรงนี้ไม่ได้ตายตัวเพราะไม่ใช่ค่าแฟรนไชส์ แต่เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าบางรายอาจจะมีเงินไม่พอ ก็ต้องมาคุยกันในรายละเอียด เพราะอุปกรณ์บางอย่างที่เรากำหนดให้ลูกค้าซื้อ แต่ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นลูกค้าอาจจะไม่ซื้อได้ แต่หลังจากที่เป็นแฟรรนไชส์ และใช้ยี่ห้อชาตันหยงของเราแล้ว ลูกค้าจะต้องซื้อผงชาแดง และแก้วที่มีโลโก้จากเราเท่านั้น เพื่อให้คุณภาพของเครื่องดื่มที่เป็นเมนูเด่นของเราเหมือนกันทุกร้าน ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับก็จะเกิดแก่ลูกค้าแฟรนไชส์เอง เพราะการแข่งขันที่สูงมากขนาดนี้ถ้าไม่สามารถควบคุมคุณภาพสม่ำเสมอได้ โอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จก็มีสูงมากเช่นกัน
พอถามถึงโอกาสการคืนทุน เจ้าของแฟรนไชส์บอกว่า ไม่การันตีว่าจะคืนทุนได้เมื่อไหร่ แต่เร็วสุดที่เคยมีคือประมาณ 7 วัน ซึ่งทุกอย่างยังต้องขึ้นอยู่กับทำเลเป็นหลัก ส่วนผลตอบแทนหรือกำไร ต่อหน่วยอยู่ที่แก้วละ 15 บาท ซึ่งเมื่อคิดต้นทุนจะอยู่ที่แก้วละ 10 บาท วันหนึ่งขายได้ 100 แก้วจะได้กำไรประมาณ 1,500 บาท (ไม่หักค่าใช้จ่าย ค่าเช่า หรือค่าแรง) โดยจุดขายของแฟรนไชส์ร้านชาที่ทำให้หลายคนปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วยดึงให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการ คือ ราคา "แก้วละ 25 บาท ทุกเมนู" เพราะเวลานี้ไม่มีใครปฏิเสธกลยุทธ์ราคาได้...ส่วนรสชาติวัดกันภายหลัง และถ้าอร่อยและถูกด้วยละก็ โอกาสประสบความสำเร็จมีสูง
สนใจโทร. 08-6380-7418, 08-1920-1874 www.facebook.com/แฟรนไชส์ชาตันหยง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *