ที่มา : รอบรู้ SME ธนาคารกสิกรไทย
การตลาดออนไลน์ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง บนโลกอินเทอร์เน็ตอะไรก็ดูรวดเร็วไปหมด หากผู้ประกอบการไม่ยอมปรับตัว ก็จะทำตลาดได้ยากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้คนไทยเองก็ตื่นตัวกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะบนโทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันจำนวนร้านค้าที่อยู่บนโซเชียลมีเดียน่าจะมีประมาณล้านเพจ เพราะใครๆ ก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าในโลกออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย แทบไม่มีต้นทุน แต่ความจริงแล้วมีผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอยู่รอดเพียงน้อยนิดเท่านั้น จึงกล่าวได้ว่าการขายของออนไลน์นั้น เข้าไปขายง่าย แต่ขายได้ยาก
มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากจากงาน SME Matching Day 2016 ซึ่งได้บิ๊กเนมในแวดวงออนไลน์ของเมืองไทยมาร่วมเสวนาในหัวข้อ “เทรนด์ออนไลน์ ขายยังไงให้รวย” มาแนะนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีว่าจะขายออนไลน์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
1. สินค้าต้องชัดเจนว่าจะขายให้ใคร ลูกค้าแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมการซื้อของที่แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลกับการเลือกช่องทางการขายว่าเราจะไปขายที่ไหนจึงจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงคอนเทนต์ที่จะใช้ เพราะแต่ละเพศ แต่ละวัย ก็มีความสนใจต่างกัน เช่น หากคุณขายเสื้อผ้าผู้หญิง คุณก็ควรเข้าใจว่าผู้หญิงจะซื้อของราคาไม่แพง แต่ซื้อบ่อย ซื้อผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ดังนั้นสินค้าของคุณจึงต้องมีราคาไม่แพงมากหรือขยันมีโปรโมชั่นลดราคา รูปภาพสวย มีหน้าร้านบน Facebook หรือ Instagram เป็นต้น
2. คอนเทนต์ดี กระตุ้นให้เกิดการซื้อ ภาพที่ใช่ ข้อความที่โดน เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ เพราะสินค้าบนโลกออนไลน์ไม่สามารถจับต้องได้จริง ภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะรูปภาพที่สวยงามจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้ แม้จะเป็นสินค้าตัวเดียวกัน แต่การมีรูปภาพที่สวยกว่าจะสามารถขายได้แพงกว่าเสมอ นอกจากนี้ข้อความบรรยายถึงตัวสินค้าก็ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี และถ้ามีรีวิวจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าจริง ก็จะยิ่งทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้เร็วขึ้น
3. วางแผนสต็อกสินค้า ไม่ว่าธุรกิจเล็กใหญ่แค่ไหนก็ต้องทำ การมีสินค้าในสต็อกที่พร้อมขายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการซื้อขายสินค้าบนออนไลน์นั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สินค้าจึงต้องมีพร้อมเสมอ หากลูกค้ากดซื้อแล้วไม่มีสินค้า จะทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ดี ความน่าเชื่อถือของร้านค้าจะลดลงด้วย โดยเฉพาะหากถึงขั้นจ่ายเงินไปแล้วค่อยแจ้งกลับทีหลัง ว่าไม่มีของ และในความเป็นจริงเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ขายบนช่องทางเดียวอยู่แล้ว จึงยิ่งต้องหมั่นเช็คสต็อกให้อัพเดท อีกทางเลือกหนึ่งในการบริหารสต็อกก็คือ การใช้โปรแกรมเพื่อแสดงสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์บนหน้าร้านออนไลน์ นอกจากลูกค้าจะทราบจำนวนสินค้าคงเหลือในขณะนั้นแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อได้ เพราะกลัวว่าสินค้ากำลังจะหมดนั่นเอง
4. เลือกช่องทางให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณ การจะเลือกใช้ช่องทางไหนต้องพิจารณาว่าลูกค้าของเราอยู่ที่ไหน แล้วเรามีงบประมาณเท่าไหร่ เนื่องจากเอสเอ็มอีแต่ละเจ้าก็มีงบประมาณไม่เท่ากัน ไม่แปลกที่ใครๆ ก็อยากจะไปอยู่บนช่องทางที่มีลูกค้าซื้อสินค้าจำนวนมาก หรือช่องทางดังๆ กันทั้งนั้น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแสนแพง ซึ่งเอสเอ็มอีส่วนใหญ่มีงบประมาณจำกัด จึงต้องเลือกช่องทางให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของตัวเองให้มากที่สุด แล้วหากมีเงินเหลืออาจนำมาเป็นงบการตลาดทำโปรโมชั่นเพื่อสร้างกระแสดึงดูดให้ลูกค้าสนใจเข้ามาดู และตัดสินใจซื้อสินค้า
การขายของออนไลน์นั้นต้องอาศัยความทุ่มเทเช่นเดียวกับงานอื่นๆ เพราะบนโลกออนไลน์ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบสินค้ากับราคา แล้วยังเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา ถ้าคุณไม่ให้เวลาอย่างเต็มที่ ก็มีโอกาสที่ลูกค้าของคุณจะกลายเป็นของคนอื่นได้ภายในไม่กี่นาที
----------------------------------------------------------
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *