“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” เผยร่างกฎหมายจัดตั้งบริษัทคนเดียวเสร็จแล้ว พร้อมเข้า ครม.พิจารณาอนุมัติ มั่นใจออกใช้ทันภายในรัฐบาลนี้ ระบุทุกฝ่ายเห็นประโยชน์ตรงกัน พร้อมเผยเอกชนแห่ยื่นคำขอใช้สิทธิตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ทะลุ 4 หมื่นในเวลาแค่ 2 สัปดาห์ ยอดกว่า 2 แสนล้าน ชี้ไม่เกินปียอดถึง 3 แสนล้าน
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของ พ.ร.บ.จัดตั้งบริษัทคนเดียวนั้น สำหรับร่างกฎหมายและระเบียบวิธีปฏิบัติต่างๆ ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้นำเสนอต่อผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พิจารณาเห็นชอบแล้วเช่นกัน หลังจากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา คาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่างสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หรืออย่างช้าภายในเดือนสิงหาคม หลังจากนั้นตามขั้นตอนเมื่อผ่านที่ประชุม ครม.แล้วจะเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างและนำเสนอให้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาได้ โดยคาดหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะออกให้ทันภายในรัฐบาลชุดนี้ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างยิ่ง
“กฏหมายฉบับนี้จะสร้างความคล่องตัวให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs รวมถึงยังตัดปัญหาการมีนอมินีเพื่อจดตั้งกิจการไปด้วย ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ากฎหมายนี้มีประโยชน์มาก และพยายามช่วยกันผลักดันให้ออกมาใช้ได้เร็วที่สุด ส่วนตัวมั่นใจว่าจะทันภายในรัฐบาลชุดนี้” น.ส.ผ่องพรรณกล่าว
นอกจากนั้น ในส่วนกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ขณะนี้ทางธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ ได้รายงานตัวเลขการยื่นคำขอใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าวของกลุ่มผู้ประกอบรายที่เป็นลูกค้าของสถาบันการเงินนั้นๆ มายังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับแล้วจนถึงขณะนี้กว่า 40,000 คำขอ และเมื่อคิดเป็นสัดส่วนยอดเงินขอกู้ในจำนวนดังกล่าวมากเกือบ 2 แสนล้านบาท โดยมีสัดส่วนจากที่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันจากเดิมเป็นบัญชีเงินฝากมาเป็นการใช้สินค้าคงคลัง เช่น ที่ดิน อุปกรณ์เครื่องจักรและอื่นๆ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายระบุไว้เพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าในเวลาอีกไม่นานจำนวนผู้ประกอบการที่มีกว่า 3 แสนรายจะยื่นคำขอใช้สิทธิตามกฎหมายดังกล่าวครบก่อนภายใน 1 ปีนี้อย่างแน่นอน
อธิบดีกรมการพัฒนาธุรกิจเผยด้วยว่า ประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งกลุ่ม SMEs และ Startup สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น สำหรับมีทุนโดยตรง ใช้ขยายกิจการหรือต่อยอดธุรกิจ โดยนำทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน ได้แก่ กิจการทั้งบัญชีเงินสดและบัญชีเงินฝาก หรือสินค้าคงคลัง เช่น วัสดุอุปกรณ์เครื่องจักร อสังหาริมทรัพย์ หรือลูกหนี้ของบริษัท หรือทรัพย์สินทางปัญญาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการวางเป็นหลักทรัพย์เพื่อขอกู้เงินเพิ่มจากสถาบันการเงินต่างๆ ได้
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *