xs
xsm
sm
md
lg

‘ฟาร์มคาเฟ่ เดอ กาลเวลา’ สานฝันเพื่อ “แม่” จุดกระแสร้านกาแฟรวยเสน่ห์กาญจนบุรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

โลโก้ประจำร้าน ‘Farm café  เดอ กาลเวลา’
จากเหตุการณ์สุดแสนสะเทือนใจของครอบครัว “ศรีสุขวงค์” เมื่อต้องสูญเสียคุณแม่อันเป็นที่รักยิ่งไปอย่างกะทันหัน นับเป็นจุดเริ่มต้นให้ลูกๆ ทั้ง 4 คนที่แยกย้ายออกไปทำมาหากินใช้ชีวิตส่วนตัวกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อจะสานฝันให้คุณแม่ที่อยากจะมีร้านกาแฟเล็กๆ ประจำครอบครัว

แม้ทำเลที่ตั้งจะไม่ได้อยู่ย่านแหล่งท่องเที่ยว แต่ด้วยความโดดเด่นของการตกแต่ง เมนูอาหารเครื่องดื่มที่มีสไตล์ และเรื่องราวภายในร้านที่อบอวลด้วยบรรยากาศแห่งความรัก ความทรงจำที่สะท้อนความผูกพันอย่างสุดซึ้งของสมาชิกในครอบครัวศรีสุขวงค์ สร้างเสน่ห์ให้ร้านได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จากในท้องถิ่นขยายสู่นักท่องเที่ยวภายนอก จนปัจจุบันร้าน ‘Farm café เดอ กาลเวลา’ ก้าวเป็นอีกแลนด์มาร์กประจำ จ.กาญจนบุรี
พิศิษฐ ศรีสุขวงค์ (เอก) ลูกชายคนที่ 3 ของครอบครัว“ศรีสุขวงค์”
พิศิษฐ ศรีสุขวงค์ (เอก) วัย 46 ปี ลูกชายคนที่ 3 ของครอบครัว “ศรีสุขวงค์” แกนนำที่บุกเบิกร้านแห่งนี้ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นนักออกแบบภายในอยู่ที่กรุงเทพฯ จนเมื่อปี 2555 เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน คุณแม่ (นิตยา ศรีสุขวงค์) ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
คุณแม่นิตยา ศรีสุขวงค์  และข้อความจากบันทึกส่วนตัว ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างร้าน
ท่ามกลางความเศร้าเสียใจอย่างที่สุดนั้น คุณเอกได้พบเจอ “ไดอารี” ที่คุณแม่เขียนบันทึกไว้ เล่าความทรงจำในอดีตที่เคยเป็นลูกจ้างร้านกาแฟ พร้อมระบุว่า อยากจะมีร้านกาแฟเล็กๆ ของตัวเองที่มีสวนสวยสไตล์อังกฤษเพื่อจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเรียบง่ายและมีความสุขในร้านแห่งนี้ รวมถึงอยากให้ร้านนี้เป็นสถานที่ที่ลูกทั้งสี่ของเธอจะได้กลับมาพบเจอกันเสมอๆ

“ก่อนหน้านี้แม่ไม่เคยเล่าให้ผมฟังมาก่อนว่าอยากจะมีร้านกาแฟ จนไปเจอไดอารี และก่อนหน้านี้แม่ชวนให้ผมซื้อที่ดินเนื้อที่ 1 ไร่เก็บไว้ (อยู่ใน ซ.เทศบาล 25 ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี) ทำให้ผมเพิ่งเข้าใจว่าท่านวางแผน อยากจะให้ที่ดินตรงนี้ปลูกบ้านและทำร้านกาแฟ เพื่อท่านกับคุณพ่อ(อมฤทธิ์ ศรีสุขวงค์) จะได้ประกอบอาชีพช่วงบั้นปลาย และลูกๆ ที่ต่างแยกย้ายออกไปทำงานจะได้กลับมาเจอกันได้บ่อยๆ” พิศิษฐเล่า
บรรยากาศภายในร้าน
ด้านหน้าร้าน

หลังจากรับรู้ถึงความฝันของคุณแม่ กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาลที่จะสร้างให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ ขณะเดียวกันอยากกลับมาดูแลคุณพ่อ ซึ่งสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว พิศิษฐตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเกิดเพื่อปลูกบ้านในที่ดินที่ซื้อไว้ และแบ่งเป็นพื้นที่ประมาณ 200 วา ลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท สร้างร้านกาแฟควบคู่กับทำแปลงปลูกผักอินทรีย์ พร้อมกับชวนพี่น้องทุกคนกลับมาช่วยกันดูแลร้าน
ภายในร้าน มีเล่าเรื่องราวของครอบครัวผ่านภาพถ่าย

นับเป็นความบังเอิญที่แสนลงตัวพอดี เพราะพี่น้องทั้งสี่ต่างมีความถนัดและเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เหมาะต่อการทำร้านกาแฟเบเกอรี โดย “ศุภรัตน์ แดงจันทร์” (ตุ้ม) อายุ 50 ปี พี่สาวคนโต มีฝีมือทำอาหาร รับผิดชอบด้านครัว “รัติยา ศรีสุขวงค์” (ตู่) อายุ 48 ปี พี่สาวคนรอง เก่งเรื่องทำเค้กขนมหวาน “ณัฐพล ศรีสุขวงค์” (นัท) อายุ 30 ปี น้องชายคนเล็ก มีงานประจำด้านออกแบบกราฟิกดีไซน์ แต่ก็สนใจเรื่องเครื่องดื่มกาแฟ ส่วนคุณเอกรับผิดชอบด้านการออกแบบตกแต่งร้านทั้งหมด

“การออกแบบร้าน ผมจะตีความจากไดอารีของคุณแม่ที่อยากจะเป็นชาวสวนชาวไร่ นอกจากนั้น ในร้านก็จะเก็บบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาของครอบครัวของเรา มีภาพถ่ายประวัติครอบครัว สมาชิกครอบครัว และที่มาของร้าน โดยมีคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจในการทำร้าน เลยเป็นที่มาของชื่อร้าน ‘Farm café เดอ กาลเวลา’ ที่ผมอยากให้ร้านนี้เป็นการเก็บช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัว” คุณเอกอธิบาย
เมนูเค้กภายในร้าน

เขาบอกด้วยว่า ในความเป็นจริง เริ่มแรกที่ทำร้านไม่ได้คิดในเชิงธุรกิจมากนัก เนื่องจากสมาชิกครอบครัวทุกคนไม่เคยมีประสบการณ์ทำธุรกิจร้านกาแฟเบเกอรีมาก่อน อีกทั้งทำเลที่ตั้งร้านไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวแต่อย่างใด ดังนั้น คาดหวังเพียงแค่ให้ร้านประคองตัวอยู่ได้ และได้ทำตามความฝันของแม่ให้เกิดขึ้นจริง


อย่างไรก็ตาม ด้วยอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ลูกค้าที่มาใช้บริการแล้วชื่นชอบความสวยงาม ประกอบกับเมนูที่สร้างสรรค์ ช่วยนำไปบอกต่อในโลกออนไลน์ รวมถึงรีวิวในบอร์ดต่างๆ ทำให้ร้านได้รับความนิยมอย่างไม่คาดคิดมาก่อน หลังจากเปิดร้านได้แค่ 2 เดือน ต้องลงทุนขยายพื้นที่นั่งในร้านเพิ่ม รองรับลูกค้าที่มารอต่อคิวจนแน่นไม่มีที่นั่ง และล่าสุดเมื่อปลายปี 2558 ต้องยอมนำพื้นที่ทำแปลงปลูกผักอินทรีย์มาขยายเป็นพื้นที่ร้าน เพื่อบริการลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น
ภายในร้าน
“ตอนแรกผมคาดว่าลูกค้าหลักของร้านเราจะเป็นคนในท้องถิ่นพื้นที่รอบๆ ร้าน ที่อยากจะมานั่งร้านที่มีบรรยากาศแปลกใหม่ แต่หลังจากเปิดแล้วกลายเป็นว่าได้รับความนิยมมากกว่าที่คิดมาก ลูกค้าเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อจะมาใช้บริการร้านเราโดยเฉพาะ แน่นจนไม่มีที่นั่ง ลูกค้ารอคิวเต็มหน้าร้านจนผมเกรงใจมาก ต้องตัดสินใจขยายพื้นที่ร้านเพิ่ม นับถึงตอนนี้เต็มพื้นที่แล้ว รองรับลูกค้าได้สูงสุดประมาณ 120 คน ส่วนแปลงผัก ผมนำไปปลูกไว้ในที่ดินติดริมแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นอีกที่ดินที่ครอบครัวซื้อไว้ ลูกค้าที่สนใจสามารถไปเยี่ยมชมได้” พิศิษฐเสริม

 เครื่องดื่มสร้างสรรค์สูตรตัวเอง

สำหรับเมนูเด่นของร้าน ‘Farm café เดอ กาลเวลา’ ด้านเครื่องดื่ม คือ coffee de’ Kan นำเมล็ดกาแฟเชียงรายและกาญจนบุรีมาคั่วรวมกันเป็นสูตรที่ร้านคิดขึ้นเอง ส่วนขนมหวาน เช่น ปังนุ่มคู่สังขยา และฟาร์มโทสต์ผลไม้ เป็นต้น ด้านอาหารคาว เน้นเป็นอาหารไทยพื้นบ้านแบบคนเมืองกาญจน์ เช่น แกงส้มกุ้ง ผักท้องทุ่ง และขนมจีนแกงเขียวหวาน เป็นต้น
“ตอนแรกที่ทำร้าน  ไม่ได้เน้นเชิงธุรกิจมากนัก แต่มาถึงจุดนี้ เราต้องการให้ร้านเกิดความยั่งยืน มีความเป็นมืออาชีพ - คุณเอก กล่าว

พิศิษฐเผยด้วยว่า กลุ่มลูกค้าของร้าน ถ้าเป็นวันธรรมดาจะเป็นคนท้องถิ่นชาวกาญจนบุรี ส่วนเสาร์อาทิตย์จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว เฉลี่ยใช้จ่ายต่อบิลประมาณ 250 บาท ผลประกอบการของร้าน ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในปีแรก (2557) ที่เปิดร้านประมาณ 3 ล้านบาท และปีที่แล้ว (2558) ประมาณ 4 ล้านบาท และปีนี้ (2559) น่าจะถึง 5 ล้านบาท

แม้ทิศทางของร้านจะเติบโตขึ้นโดยลำดับ ทว่าเขายอมรับว่างานบริการยังไม่ได้มาตรฐานแบบมืออาชีพมากนัก เนื่องจากทำกันเองในสมาชิกครอบครัว บวกกับมีพนักงานอีกแค่ 4 คน ทั้งหมดล้วนเป็นหน้าใหม่ในวงการ ทำให้บริการลูกค้าได้ไม่ดีอย่างที่ตั้งใจไว้ เช่น เสิร์ฟอาหารช้า บริการไม่ทั่วถึง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม พยายามแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นสม่ำเสมอ

“ตอนแรกที่ทำร้านไม่ได้เน้นเชิงธุรกิจมากนัก แต่มาถึงจุดนี้เราต้องการให้ร้านเกิดความยั่งยืน มีความเป็นมืออาชีพ โดยพยายามหาความรู้เพื่อจะวางระบบให้ร้านดียิ่งขึ้น ซึ่งจุดอ่อนประการหนึ่งของการทำธุรกิจกับสมาชิกครอบครัวคือจะควบคุมกันยาก ไม่เหมือนสถานะเจ้านายกับลูกน้องที่จะสั่งอะไรไปลูกน้องก็ต้องทำตาม แต่ก็มีข้อดีว่าพี่น้องสามารถคุยกันได้ เมื่อเรารู้ว่าร้านไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกอย่าง เราก็ช่วยกันค่อยๆ พัฒนา ซึ่งผมเชื่อว่าร้านที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีจุดเด่นจากความเป็นตัวของตัวเอง ควบคู่กับมีการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ก็ทำได้ยากมากเช่นกัน” เขาระบุ

จากบันทึกส่วนตัวของคุณแม่ที่เล่าความฝันอยากเปิดร้านกาแฟ พิศิษฐเชื่อว่าสิ่งที่เขากับพี่น้องช่วยกันสร้างร้าน ‘Farm café เดอ กาลเวลา’ ให้เกิดขึ้นจริงในวันนี้ เหนือกว่าที่คุณแม่คาดคิดไว้เสียอีก และที่สำคัญ จากเดิมที่นานๆ ครั้งพี่น้องทั้ง 4 คนจะได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที กลายเป็นว่าปัจจุบันเจอกันสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่ 4 พี่น้องครอบครัว “ศรีสุขวงค์” จะต้องกลับมาบ้านเพื่อช่วยกันดูแลร้าน พร้อมกับดูแลคุณพ่อไปด้วย ซึ่งตรงกับอีกหนึ่งความต้องการของคุณแม่เช่นกัน

แม้วันนี้ คุณแม่นิตยา ศรีสุขวงค์ จะจากไปแล้ว แต่ความรักความผูกพันของลูกๆ ที่มีต่อเธอยังคงอยู่เสมอ โดยมีร้าน ‘Farm café เดอ กาลเวลา’ เป็นตัวแทนที่จะเก็บความทรงจำอันงดงามไว้ตลอดกาล


เมนูดัง


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ติดต่อ “ฟาร์มคาเฟ่ เดอ กาลเวลา” 787/3 ซอยถนนเทศบาล 25 ตำบลท่าม่วง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ 08-5333-3414 หรือ FB: FarmCafeDekalavela , IG: FarmCafeDekalavela

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น