“บิงซู” (Bingsu) น้ำแข็งไสสไตล์เกาหลี มีลักษณะเช่นเดียวกับน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ โดยมีรสชาติต่างๆ ให้เลือกตามต้องการ และราดท็อปปิ้งในแบบต่างๆ เช่น ผลไม้ต่างๆ ถั่วแดง ชีสเค้ก เป็นต้น ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากที่ประเทศเกาหลี โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนอย่างทุกวันนี้
สำหรับบิงซู เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยได้ไม่นานนัก ส่วนหนึ่งมาจากคนเกาหลีที่นำมาขยายตลาดในประเทศไทย และคนไทยที่เคยไปเที่ยวเกาหลี ก็นำรูปแบบดังกล่าวมาลองทำขายในประเทศไทย และร้านบิงซูที่นำเสนอในวันนี้มีชื่อว่า “น้ำแข็งหวาน by Takkie” ของ “สุนทรี แห้วเพ็ชร” ตั้งอยู่ที่หน้า ธ.ก.ส. อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
“สุนทรี” เล่าว่า ได้เริ่มทำร้านนี้ได้ไม่นาน รูปแบบของร้านจะเน้นความเป็นลูกทุ่ง โดยสิ่งปลูกสร้างง่าย เป็นลักษณะหลังคามุงจาก ตั้งอยู่ริมถนน ขายบิงซูเกาหลีแนวลูกทุ่งไทย เมนูต่างๆ จดจำมาจากที่ได้ไปกินมา และนำมาลองตกแต่งเพิ่มเติมในแบบไอเดียของเราเอง บวกกับความต้องการของลูกค้า ว่าต้องการใส่อะไรตกแต่งแบบไหน เมนูเด่นของทางร้านหนีไม่พ้นเมลอนบิงซู ส่วนเมนูอื่นๆ เช่น แตงโม มะม่วง สตรอเบอร์รี กล้วยหอม เป็นต้น
ส่วนขั้นตอนการทำ เริ่มจากเตรียมแคะผลไม้ใส่ถาดแช่เย็นไว้ จากนั้นนำน้ำแข็งมาปั่นกับเครื่องปั่นน้ำแข็ง เครื่องปั่นที่เราใช้ก็เป็นแบบราคากลางไม่แพงเท่ากับเครื่องปั่นน้ำแข็งเกล็ดหิมะ พอได้น้ำแข็งปั่นเราก็ปรุงรสชาติจากส่วนผสมที่เราคิดขึ้นมาเอง จากนั้นก็แค่จัดเรียงผลไม้ที่เราแคะเป็นลูกกลมใส่ตู้เย็นไว้ให้สวยงามแล้วใส่วิปครีมข้างบนยอด จากนั้นตามด้วยราดนมข้นหวานใส่ไปอีกรอบ พร้อมเสิร์ฟได้
สำหรับลักษณะของบิงซูของร้านเราคล้ายกันทุกเมนู คือ แคะผลไม้ให้เป็นลูกกลมๆ แล้วเอามาตกแต่งบนน้ำแข็งไสให้ดูสวยงามน่ากินเพื่อเป็นการเรียกลูกค้าในช่วงต้น เพราะเรามั่นใจว่าถ้าลูกค้าได้ทดลองชิมในครั้งแรกก็จะต้องกลับมาซื้ออีกในครั้งต่อไป และการตกแต่งที่สวยสะดุดเป็นตัวบอกต่อได้ดีในโลกโซเชียล ในส่วนของราคา ตั้งราคาขายไม่เกิน 99 บาททุกเมนู เริ่มต้น 25 บาท 35 บาท 59 บาท ไปจนถึง 99 บาท และการออกแบบเมนูเอง ส่วนหนึ่งเพราะเราพยายามหาวัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่เพื่อประหยัดงบ ประหยัดเวลาการทำ และประหยัดต้นทุนไปได้อีกทางหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือต้องคงรสชาติให้ได้ใกล้เคียงกับบิงซูที่เป็นต้นตำรับ
“ส่วนกลุ่มลูกค้าเรา ได้ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดา นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน หรือเจ้าของกิจการ เพราะเราคงคอนเซ็ปต์ที่ตั้งไว้ในครั้งแรก “ การทำร้านเรียบง่าย... แต่สัมผัสได้” ดังนั้นจึงได้เป็นที่มาของเมลอนบิงซูในร้านหลังคามุมจากข้างถนน เพราะที่ได้สัมผัสมาร้านที่ขายเมนูแบบนี้ก็เน้นการตกแต่งร้านที่ดูดี หรูหรา ทำให้คนเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่กล้าที่จะเข้าไปใช้บริการ แต่เราอยากเห็นคนทุกกลุ่มได้กิน จึงเน้นความเรียบง่ายที่ทุกคนสัมผัสได้ ซึ่งไม่ผิดหวัง เพราะคนทุกกลุ่มกล้าที่จะเข้ามา แม้ว่าจะเปิดในต่างจังหวัด แต่ผลตอบรับก็ดีในระดับที่พอใจ เพราะปัจจุบันคนต่างจังหวัดเปิดกว้างรับรู้เรื่องราวใหม่ทางอินเทอร์เน็ต จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแจ้งเกิดเมนูน้ำแข็งไสเกาหลีบิงซูในต่างจังหวัดเช่นนี้”
“สุนทรี” เล่าว่า เปิดร้านเมื่อประมาณ กลางเดือนพฤษภาคม 2559 ใช้เงินลงทุนไปไม่เกิน 10,000 บาท ถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างต่ำ เพราะไม่ได้เน้นเรื่องสิ่งก่อสร้าง แต่ให้ความสำคัญต่อการลงทุนเรื่องวัตถุดิบมากกว่า เพราะต้องการขายของคุณภาพ ราคาที่เหมาะสม ส่วนรายได้ไม่แน่นอน แต่ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท บางวันก็เกือบ 10,000 บาท หักค่าใช้จ่าย เหลือกำไรเกือบครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเยอะเพราะไม่ได้มีค่าเช่าหน้าร้านที่ราคาแพงเหมือนกับการเปิดในกรุงเทพฯ
เหตุผลที่ “คุณสุนทรี” เลือกเปิดที่แห่งนี้เพราะเธอทำเป็นอาชีพเสริมจากการทำงานประจำเป็นพนักงานธนาคารกรุงศรีฯ สาขาจังหวัดอุทัยธานีแห่งนี้ ก็เลยเลือกเปิดที่นี่ ไอเดียได้มาจากการที่ตัวเองชื่นชอบเมนูนี้มาก และหากินได้ยากบางพื้นที่ เมื่อหากินยากก็เลยลองทำดู คิดสูตรเอง เพื่อมาเปิดขายข้างทาง หวังให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้มีโอกาสแวะชิม
“ใครที่สนใจทำธุรกิจนี้ เนื่องจากเราไม่มีเวลาเปิดสอน ก็เลยขายในรูปแบบของการขายสูตร ขายแฟรนไชส์ แบบขายขาดไปเลย คือ ทางเราเตรียมอุปกรณ์พร้อมขายให้ในครั้งแรกแบบครบไปเลย สามารถไปเปิดร้านขายได้เลยในราคา 10,000 บาท ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นเล็กๆ น้อยๆ ก็คงแล้วแต่ลูกค้าจะตกลงกัน อะไรที่ลดหย่อนกันได้ก็คงต้องคุยในรายละเอียดตามความเหมาะสม เพราะเราต้องการให้คนที่มีเงินทุนน้อย หรือคนว่างงานได้มีโอกาสขายได้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ”
โทร. 08-8282-1118 ,www.facebook.com/My’Takkiesarit Suntaree
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *