แนวโน้มสำคัญของโลกเวลานี้ที่หลายคนให้ความสนใจนั่นคือ การที่โลกกำลังก้าวสู่ “สังคมแห่งผู้สูงอายุ” โดยข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ไว้ว่าในปี 2568 จะมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีทั่วโลกถึง 1,200 ล้านคน และในปี 2593 จะมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี กว่า 2,000 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของประชากรโลกทั้งหมด และที่น่าตกใจคือในปี 2590 จะเป็นครั้งแรกของโลกที่จำนวนประชากรอายุ 60 ปี จะมีมากกว่าจำนวนประชากรเด็ก ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งใน
ประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัวในปี 2578 โดยจากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงนี้เอง จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจที่จะฉกฉวยได้จากการขยายตัวของตลาดกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งการรู้และเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจได้อย่างมีชั้นเชิง
1. มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากปัจจุบันผู้สูงอายุไม่ต้องดูแลใคร จึงทำให้มีเงินจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่ต้องการได้มากขึ้น ข้อนี้เป็นกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการ SME สามารถเจาะตลาดได้สำเร็จ
2. ไม่ยึดติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เพราะเทคโนโลยีทำให้สามารถติดต่อกันได้มากขึ้นและสะดวกขึ้น จึงเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันง่ายขึ้น กลุ่มผู้สูงอายุจึงมีความต้องการแบรนด์ใหม่ๆ แต่ต้องเป็นแบรนด์ที่ดูน่าเชื่อถือ จะช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
3. ชอบความรวดเร็วและเน้นความสะดวกสบาย กลุ่มผู้สูงอายุยุคใหม่ หัวใจยังวัยรุ่น จึงชอบความสะดวกรวดเร็วและการบริการที่ดี ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะดึงดูดให้กลุ่มผู้สูงอายุ เลือกซื้อได้มากกว่าสินค้าที่ใช้งานยากหรือบริการที่ต้องใช้เวลานาน
4. ใส่ใจดูแลสุขภาพ กลุ่มผู้สูงอายุยุคใหม่มีทั้งความรู้และกำลังทรัพย์ จึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น สินค้าสุขภาพที่มีโอกาสเปิดตลาด ได้แก่ อาหารแปรรูป โดยเฉพาะอาหารเพื่อสุขภาพ เฟอร์นิเจอร์ที่รองรับสรีระและมีความปลอดภัยในการใช้งาน สินค้าไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางออร์แกนิกที่ผลิตจากธรรมชาติหรือสมุนไพร เนื่องจากมีความปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมี เครื่องมือที่ใช้ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการสร้างและตกแต่งบ้านที่มีความปลอดภัยในการใช้ชีวิตภายในบ้าน
จริงๆ แล้วผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มผู้สูงอายุ มีโอกาสไม่น้อยไปกว่าแบรนด์ใหญ่ๆ เพราะ SME ส่วนใหญ่มีความคล่องตัวและสามารถปรับตัวรับโอกาสได้ไวกว่า เพียงแต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังทำธุรกิจโดยการจับแค่ความต้องการพื้นฐานของผู้บริโภคเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้และแบรนด์ใหญ่ก็ทำเช่นกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการ SME ควรทำคือ ต้องทำในสิ่งที่มากกว่าความต้องการพื้นฐาน ซึ่ง SME ต้องหาสิ่งนั้นให้เจอ โดยอาศัยการฟังเสียงผู้บริโภคให้มากขึ้นเท่านั้นเอง
ข้อมูลโดย K SME