ที่ผ่านมา ได้เห็นรายงานข่าวจากประเทศจีน ถึงการนำเครื่องดื่มสีแดง อย่าง โค้กเชอรี่ ไวน์แดง น้ำแดงบรรจุในถุงสำหรับใส่เลือด จากร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พอมาวันนี้ ได้เห็นไอเดียของคนไทยในการนำถุงเลือดมาเป็นถุงเครื่องดื่มเช่นเดียวกัน
สำหรับเจ้าของไอเดีย เครื่องดื่มในถุงเลือด เป็นของหนุ่ม สาวคู่นี้ “ปัชพรรณ หอมพิมลพร” และ “ณภัค สุขสุวานนท์” ทั้งคู่ เปิดร้านเครื่องดื่ม Bloody Drink ชื่อ Calendar Bistro แน่นอนจุดขายของ Bloody Drink อยู่ที่ การนำถุงเลือดมาเป็นถุงใส่เครื่องดื่มที่อยู่ด้วยกัน 2 รสชาติ คือ น้ำแดง (ฟรุ๊ตพั้นซ์) และน้ำสีฟ้า( บลูฮาวาย) และผลิตภัณฑ์ใหม่เยลลี่ในเข็มหลอดฉีดยา
ปัชพรรณ เล่าว่า เดิมเราสองคนเปิดร้านอาหารในรูปแบบ Food Truck ใช้ชื่อว่า Calendar bistro ซึ่งแฟนหนุ่ม “ณภัค” เดิมทำงานเป็นเชพอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย จะมีสูตรการทำอาหาร พอมาอยู่เมืองไทยเปิดร่่้านอาหารสไตล์เท็กซัส บาร์บีคิว ในแบบที่ตนเองถนัด แต่การเปิดร้านอาหารนั้นต้นทุนสูง ถ้าขายไม่ได้ของเสียหายจะขาดทุนมาก ซึ่งในช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก จึงลองเปลี่ยนมาขายประเภทเครื่องดื่ม เพราะเห็นว่าต้นทุนต่ำ และถ้าขายไม่ได้โอกาสของเสียหายน้อยมาก
"อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันสูง การจะขายน้ำแบบธรรมดาคงจะขายแข่งกับร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายน้ำทั่วไปที่ ขายขวดละ 15-20 บาทไม่ได้ เพราะราคาเครื่องดื่มของเราสูงกว่ามาก จึงเกิดไอเดียนำถุงเลือดมาเป็นถุงใส่เครื่องดื่มแทน เพราะเชื่อว่าตอนนี้ ถ้าสินค้าตัวไหนสามารถปลุกกระแสในโลกโซเชียลมีเดียได้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จมีสูงมาก ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานที่ตลาดอาร์ตบ็อกซ์ มีคนพูดถึงถ่ายรูปและนำไปแชร์ในโลกโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก และที่ตามมาก็คือ ได้ลูกค้า ขนาดต้องเข้าคิวเพื่อรอซื้อน้ำที่ร้านของเรา"
ปัชพรรณ บอกว่า นอกจากจุดขายบรรจุภัณฑ์ อย่างเดียวคงจะไม่ได้ ซึ่งที่ตนเองมั่นใจคือ รสชาติ "ณภัค" มีสูตรผสมเครื่องดื่มค็อกเทล ที่ได้มาจากการเป็นเชฟในต่างประเทศ นำมาใช้กับการผสมสูตรเครื่องดื่มทั้งสองชนิดของเรา ซึ่งเป็นสูตรที่คิดว่า ลงตัวและน่าจะโดนใจลูกค้าที่สุด และที่เลือกทำแค่ 2 รสชาติ เพราะเกรงว่าถ้ามีให้ลูกค้าเลือกเยอะ จะเลือกนาน เป็นปัญหาเรื่องคิวที่ต่อรอนานเกินไป สุดท้ายลูกค้าที่รอนานอาจจะเบื่อเปลี่ยนใจไปกินอย่างอื่นได้ แต่ข้อดีเครื่องดื่มไม่เหมือนกับอาหารอย่างหนึ่งคือ รสชาติไม่ได้แตกต่างกันมากในแต่ละร้าน เพียงแค่ร้านไหนจะเลือกส่วนผสมวัตถุดิบคุณภาพขนาดไหน เพื่อให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดี และกลับมากินอีกในครั้งต่อไปมากกว่า
ทั้งนี้ หลายคนคงสงสัยถึง ที่มาของถุงเลือดที่นำมาใช้ คุณปัชพรรณ บอกว่า เดิมซื้อถุงที่ใส่เลือดจริงเลยมาใช้ แต่ปัญหา คือ ต้นทุนที่สูงมาก จึงไปหาโรงงานที่ผลิตถุงเลือดจริง และให้ช่วยผลิตถุงเลือดในแบบที่นำมาใส่เครื่องดื่ม ซึ่งแน่นอนคงไม่ต้องใช้วัสดุแบบที่ใช้ทำถุงเลือดจริง ทำให้สามารถลดต้นทุนไปได้เยอะมาก แต่การสั่งผลิตตามออร์เดอร์ ทางโรงงานต้องให้สั่งตามจำนวน ที่โรงงานเดินเครื่องจักรในแต่ละครั้งแล้วคุ้ม ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนไปกับการทำถุงในครั้งนี้ สูงถึงหลักแสนบาท ซึ่งเมื่อรวมอุปกรณ์อื่นๆการลงทุนในครั้งแรกสูงถึง 5 แสนบาทเลยที่เดียว
ในส่วนราคาเครื่องดื่มในถุงเลือด Bloody drink จำหน่ายในราคาถุงละ 79 บาท ส่วนกรณีที่ลูกค้านำถุงเดิมมาเติม ลดราคาให้เหลือเพียง 29 บาท เท่านั้น ที่ผ่านมา ลูกค้าที่นำถุงมารีไซเคิลมาเติมน้ำ ประมาณ 20% ข้อดีของถุงเลือดในการนำมาใส่เครื่องดื่ม ตอนนี้ ก็ยังไม่เห็นมากนัก นอกเหนือไปจากจุดขายที่น่าสนใจ ก็จะเป็นเรื่องของความสะอาด และสะดวก เพราะมีสายทำให้หิ้วถุงได้
สำหรับกลุ่มลูกค้า จะมีทุกเพศ ทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น คนทำงาน เด็กๆ เพราะกลุ่มนี้ค่อนข้างจะอิงไปกับตามกระแสแฟชั่นฟู้ด ในโลกโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก เพราะจากยอดขายและความสำเร็จตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่เปิดขายเกิดมาจากกระแสโซเชียลฯที่ทุกคนได้เห็น และมาซื้อกินก็จะต้องถ่ายรูปและนำไปแชร์ต่อ พอเพื่อนเห็น ก็ถามว่าไปซื้อที่ไหน ก็ไปซื้อมากินบ้าง และก็นำไปแชร์ ต่อ จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 5 เดือน Bloody Drink ก็ยังเป็นร้านเครื่องดื่มที่มีคนต่อคิว ยาวอยู่ โดยมียอดขายต่อวันไม่ต่ำกว่า 500 ถุง
“ส่วนช่องทางการขาย จะยึดงานอีเวนท์ และตลาดอาร์ตบ็อกซ์เป็นหลัก เพราะน่าจะตรงกลุ่มเป้าหมายของเรามากที่สุด และเป็นตลาดกลางคืน ที่เลือกตลาดกลางคืน เพราะเป็นเครื่องดื่ม ที่เป็นแฟชั่นฟู้ด การดื่มแบบชิล ชิล ไม่ได้ซื้อดื่ม เพราะหิวกระหาย ซึ่งถ้าจะดื่มแบบนั้น คงเลือก เครื่องดื่มร้านสะดวกซื้อ หรือ ซื้อ เครื่องดื่มร้านไหนก็ได้ แต่ลูกค้าที่มาซื้อของเรา เพราะเขาอิงกับกระแส และต้องการอะไรที่มีความเป็นแฟชั่น เพื่อไปอวดเพื่อน ว่า มาตลาดนี้ และได้ดื่มเครื่องดื่มแบบนี้แล้ว มากกว่า ดังนั้น เวลา ลูกค้ามาขอซื้อแฟรนไชส์ เราก็ยินดีขายให้ แต่ต้องการให้เขาหาทำเลที่เหมาะสมให้ได้ก่อน เพราะเราก็อยากเห็นลูกค้าแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเรา”
ทั้งนี้ ในส่วนของราคาแฟรนไชส์ มี 2 แบบ คือ ราคา 19,000 บาท ได้ถุงเลือด 200 ถุง พร้อมน้ำหัวเชื้อ ที่พอดีกับการขาย 200 ถุง และถังกดน้ำ 2 ถัง ส่วนแบบที่ 2 ราคา 29,000 บาท ได้ถุงเลือด 400 ถุง เยลลี่ในเข็มฉีดยา อีก 300 อัน (เยลลี่ราคาขายอันละ 35 บาท) พร้อมน้ำหัวเชื่อ สำหรับขาย 400 ถุง ถังกดน้ำ 2 ถัง ปัจจุบันมีแฟรนไชส์ทั้งหมด 3 สาขา พัทยา ชลบุรี และเชียงใหม่
นี่เป็นไอเดียมันๆ ของคนรุ่นใหม่ สร้างจุดขายให้ธุรกิจแจ้งเกิดได้สำเร็จ
โทร. 08-1928-6365 ,www.facebook.com/calendarbistro
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *