“พม่า” เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนมานานโดยพม่าก็มีการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระนั้นก็ดี ธุรกิจ SMEs ไทยที่รู้จักและทำการค้ากับพม่าก็ยังค่อนข้างจำกัดอยู่ในบางพื้นที่และบางกลุ่มธุรกิจเท่านั้น แต่นับจากพม่ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในประเทศในทิศทางที่เสรียิ่งขึ้นและได้รับการยอมรับจากนานาชาติเพิ่มขึ้นจนได้รับการผ่อนคลายคว่ำบาตรจากประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะสหรัฐฯและสหภาพยุโรป ได้ส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจพม่าค่อนข้างมาก ซึ่ง ช่วงเวลาสอดคล้องกับที่พม่าเร่งปฏิรูปนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงินเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภายนอกมากขึ้น เห็นได้จากนักลงทุนต่างชาติเข้าไปในพม่าอย่างคึกคักนับจากช่วงต้นปี 2555 เป็นต้นมา
ดังนั้น ไทยในฐานะที่เป็นทั้งสมาชิกอาเซียนเช่นเดียวกับพม่า จึงไม่ควรพลาดจังหวะเวลาสำคัญที่จะขยายตลาดการค้าการลงทุนในพม่า ก่อนคู่แข่งจากตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน จะเข้าครองส่วนแบ่งตลาดในพม่าไป
สำหรับ โอกาสด้านการลงทุน ในประเทศพม่าที่SME ไทยควรให้ความสนใจ และศึกษา คือ ธุรกิจท่องเที่ยว นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนไทย เนื่องจากพม่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทั้งด้านภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น เมืองพุกามซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์(เนื่องจากมีเจดีย์นับหมื่นองค์) หาดงาปาลีในเมืองตานต่วย (Thandwe) ซึ่งได้รับการจัดให้เป็นหาดที่สวยงามที่สุดของพม่า เป็นต้น
ทั้งนี้ ความพร้อมด้านโรงแรมที่พักและบริการที่เกี่ยว เนื่องในพม่ายังไม่เพียงพอและไม่ได้รับการดูแลและพัฒนาเท่าที่ควร จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพและความพร้อมในการขยายลงทุนธุรกิจโรงแรมและที่พัก รวมถึง โรงแรมบูติกซึ่งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่ดีนั้นมีความน่าสนใจมิใช่น้อย นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงบริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น สปา ฟิตเนส ร้านอาหาร และร้านขายของที่ ระลึก ก็น่าจะมีโอกาสที่ดีด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและการผลิตวัสดุก่อสร้าง ก็มีโอกาสเติบโตเช่นกันตามแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจพม่า โดยธุรกิจ SMEs ที่สนใจตลาดพม่า ก็อาจจะเริ่มเข้าสู่ตลาดนี้ด้วยการเชื่อมโยงกับผู้ผลิตและ ผู้ค้ารายใหญ่ที่เข้าไปขยายธุรกิจในพม่าแล้ว หรือ การเข้าไปเป็นผู้รับเหมาช่วงจากผู้รับเหมารายใหญ่ที่ดำเนินการก่อสร้างในโครงการต่างๆ โดยอาศัยอานิสงส์จากการเร่งพัฒนาโครงสร้างและ สาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศพม่า และยังเป็นโอกาสสำหรับการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบเพิ่มเติม เนื่องจากพม่ายังคงมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ไม้ พลังงาน หรือวัตถุดิบอื่นๆ ที่ไทยเริ่มขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพม่าจะมีจุดเด่นหลายอย่างที่เป็นโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังมีอุปสรรคไม่น้อยที่อาจจะสร้างความกังวลแก่ผู้ประกอบการบ้างพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบการปกครอง เศรษฐกิจ และระบบการเงินที่คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างเสถียรภาพพอสมควร ตลอดจนข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างไฟฟ้า และระบบคมนาคมขนส่ง รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่งเริ่มพัฒนา ประกอบกับการลดภาษีนำเข้าของพม่าภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ที่จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2559
โดย ช่วงเวลานี้ก็นับเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจ SMEs ไทยสำหรับศึกษาลู่ทาง และเข้าดำเนินการในตลาดเป้าหมายก่อน เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในตลาดที่มีคู่แข่งน้อยกว่า และ เพื่อศึกษาพฤติกรรม วัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น พร้อมสร้างเครือข่ายธุรกิจรองรับการแข่งขันในอนาคต
ทั้งนี้ ธุรกิจ SMEs ที่สนใจตลาดพม่าอาจจะเริ่มเข้าสู่ตลาดนี้ด้วยการส่งสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายในพม่า หรือกลุ่มผู้ค้าชายแดนในประเทศไทย เมื่อขายสินค้าและเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคได้มากขึ้นแล้ว จึงเข้าไปดำเนินการกระจายสินค้าเอง และลงทุนสร้างฐานการผลิตในระยะต่อไป อีกด้านหนึ่ง ธุรกิจ SMEs สามารถเชื่อมโยงกับผู้ผลิตและผู้ค้ารายใหญ่ที่เข้าไปขยายธุรกิจแล้ว โดยทำหน้าที่เป็นผู้ขายวัตถุดิบ(Supplier) หรือ รับซื้อและกระจายสินค้า(Buyer) เช่น ขายส่งสินค้าให้กับธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เปิดธุรกิจในพม่า ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักนับจากนี้ก็คือกลุ่มชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อกำลังเริ่มขยายตัวขึ้น นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่เข้าไปทำงานในประเทศพม่า นอกจากนี้อาจจะมองไกลไปถึงการอาศัยพม่าซึ่งอยู่ในทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีศักยภาพเป็นประตูสู่ตลาดภายใน (Domestic Market) ของประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกถึง 2 ตลาดนั่นคือ จีน และอินเดีย ก็ได้ด้วย
ที่มา : KSME Care
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *