“เอสเอ็มอีแบงก์” เผยผลดำเนินงานระยะเวลา 8 เดือน กำไรรวมกว่า 837 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 85,944 ล้านบาท ส่วนหนี้เสียลดเหลือ 27,010 ล้านบาท ระบุมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ผ่าน ครม. เยี่ยมสุดเท่าที่เคยมีมา ด้าน “สาลินี” ปัดตอบเตรียมโยกรับตำแหน่ง ผอ.สสว.
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) ปี 2558 ของเอสเอ็มอีแบงก์ โดยมีกำไรสุทธิ 837 ล้านบาท มีผลกำไรต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยในช่วงเดือน ส.ค. 2558 มีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท เป็นผลมาจากดอกเบี้ยรับที่เพิ่มจากการขยายสินเชื่อใหม่ ธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่ไม่สูง และที่สำคัญคือ ในเดือน ส.ค. ธนาคารได้รับชำระเงินคืนจากลูกหนี้ NPLs ทั้งที่เป็นเงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับ และ ณ 31 ส.ค. 2558 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ 20,198 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นลูกหนี้สินเชื่อไม่เกิน 15 ล้านบาท จำนวน 8,808 ราย มียอดสินเชื่อคงค้าง 85,944 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) เท่ากับ 10.02%
ในส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เดือน ม.ค.-ส.ค. 2558 ธนาคารสามารถลด NPLs ได้จำนวน 4,950 ล้านบาท โดย ณ สิ้น ส.ค. 2558 NPLs คงเหลือ 27,010 ล้านบาท (คิดเป็น 31.43% ของสินเชื่อรวม) ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย 141 ล้านบาท ถือว่าน่าพึงพอใจ เมื่อเปรียบเทียบ NPls ของระบบทั่วไปที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ธนาคารคาดว่าเดือน ก.ย. NPL จะสามารถลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการขายลูกหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งสัญญาน่าจะได้ข้อยุติเดือน ก.ย.
นางสาลินีระบุว่า สำหรับสินเชื่อ Policy Loan ดอกเบี้ยต่ำ 4% ณ วันที่ 8 ก.ย. 2558 มีผู้ประกอบการ SMEs ติดต่อขอสินเชื่อวงเงิน 11,659 ล้านบาท 2,494 ราย โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว 73.79% (วงเงิน 8,604 ล้านบาท 1,985 ราย) ทั้งนี้ ธนาคารสามารถอนุมัติได้แล้ว 1,094 ล้านบาท 343 ราย ดังนี้
ในโครงการร่วมลงทุน แต่เดิมเอสเอ็มอีแบงก์ตั้งไว้ 500 ล้านบาท ตามมติ ครม.วันที่ 8 ก.ย. 2558 ให้ขยายร่วมลงทุน 2,000 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าสามารถปฏิบัติได้ โดยขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว มีบริษัท ไทยเอซแคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็น Trust Manager (พี่เลี้ยง) ได้ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนด้วย กอปรกับธนาคารได้คัดเลือกเอกชนเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงอีกหลายราย ทำให้สามารถสรรหา SMEs ที่ธนาคารจะร่วมลงทุนได้เร็วขึ้น ในส่วนกิจการ SMEs ที่ได้ลงนาม MOU ไปแล้ว 4 รายนั้น มีอยู่ 2 รายสามารถจัดทำแผนขยายธุรกิจเสร็จสิ้น และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการร่วมลงทุนของธนาคารแล้ว คือ ธุรกิจไอที 1 ราย (บริษัท วันบิต แมทเทอร์ จำกัด) และ ธุรกิจอาหารอีก 1 ราย (บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งธนาคารจะดำเนินการจ่ายเงินค่าร่วมลงทุนให้แก่ SMEs ทั้ง 2 รายดังกล่าว ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้
ทั้งนี้ ทางเอสเอ็มอีแบงก์เชื่อว่าจะสามารถร่วมมือได้ครบวงเงินภายในปีนี้ โดยขณะนี้ได้มีการเจรจากับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพแล้วกว่า 20 ราย โดยวงเงินร่วมทุนแต่ละรายอยู่ระหว่าง 5-30 ล้านบาท
นอกจากนั้น ธนาคารปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ คณะกรรมการธนาคารได้อนุมัติให้มีการปรับโครงสร้างตามข้อเสนอของที่ปรึกษาสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการทำพันธกิจหลักในเรื่องการปล่อยสินเชื่อ การร่วมลงทุน และการพัฒนาผู้ประกอบการ โดยได้ขยายส่วนงานซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจทั้ง 3 ประการ เพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มจำนวน เขต ภาค ไปต่างจังหวัด เพื่อช่วยให้การปล่อยสินเชื่อทำได้เร็วขึ้น และจัดตั้งศูนย์อำนวยสินเชื่อในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 5 เขต นอกจากนั้น ธนาคารยังเพิ่มหน่วยงานด้านร่วมลงทุนและพัฒนาผู้ประกอบการอีกด้วย ประการสำคัญคือ ธนาคารไม่ได้ละเลยในเรื่องการบริหารความเสี่ยง โดยได้เพิ่มหน่วยงานติดตามดูแลคุณภาพลูกหนี้ที่ค้ำประกันโดย บสย. เพราะธนาคารได้ส่งลูกหนี้ไปค้ำประกันกับ บสย.เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ดี ธนาคารไม่ได้เพิ่มอัตรากำลังขึ้นจากที่มีอยู่ ณ สิ้นปี 2557 แต่ใช้วิธีโยกย้ายพนักงานด้านสนับสนุน (Back Office) ไปปฎิบัติงานด้านภารกิจหลักในต่างจังหวัด
นางสาลินีระบุด้วยว่า มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 4% ที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างสูง และสามารถปล่อยได้หมดวงเงิน 1 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์จะทำให้ได้จำนวนยอดมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เมื่อรวมกับสินเชื่อ Policy Loan ของธนาคารเอง เชื่อว่าจะทำให้ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ของธนาคารได้จำนวน 40,000 ล้านบาทตามเป้าแน่นอน
ต่อคำถามว่า กรณีที่มีข่าวว่าจะถูกโยกให้ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นั้นเป็นความจริงหรือไม่ นางสาลินีตอบว่า ในเวลานี้ยังไม่ตอบคำถามนี้ เนื่องจากตนยังอยู่ในตำแหน่งประธาน กก.เอสเอ็มอีแบงก์ ที่ผ่านมามั่นใจว่าได้วางพื้นฐานธนาคารแห่งนี้ได้ดีขึ้น สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือเป็นที่พึ่งให้แก่เอสเอ็มอีได้อย่างแท้จริง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEs ผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *