เอสเอ็มอีแบงก์เผยผลการดำเนินงาน 5 เดือน พร้อมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ Policy Loan ชี้เอ็นพีแอลเดือน เม.ย. 2558 ลดเหลือเพียง 17 ล้านบาท ล่าสุดเชิญลูกหนี้ขาดสภาพคล่องเจรจาต่อรองเป็นรายบุคคล ลดถูกฟ้องล้มละลาย
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยผลการดำเนินงานตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาว่า ผลประกอบการธนาคารเดือน พ.ค. 2558 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 78 ล้านบาท ดีขึ้นจากเดือน เม.ย. ทำให้มีกำไรสุทธิรวม 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค. 2558) จำนวน 503 ล้านบาท และดีกว่าที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟู ส่วนทางด้านการขยายสินเชื่อ ได้มียอดเบิกจ่าย 2,469 ล้านบาทในเดือน พ.ค. 2558 รวมเป็นการปล่อยสินเชื่อใหม่เดือน ม.ค.-พ.ค. 2558 อยู่ที่ 13,623 ล้านบาท ทั้งนี้ สินเชื่อที่ปล่อยกู้เพิ่มในปี 2558 มีวงเงินต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท และมีจำนวน 6,061 ราย มียอดสินเชื่อคงค้าง 86,461 ล้านบาท
สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2558 ที่ได้อนุมัติวงเงิน 15,000 ล้านบาทให้เอสเอ็มอีแบงก์นำไปปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็ก ในอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี โดยกระทรวงการคลังจะชดเชยให้เอสเอ็มอีแบงก์อีก 3% และให้ บสย.ค้ำประกันโดยมีเพดานค้ำสูงสุด 18% ของยอดสินเชื่อที่ปล่อยออกไป คณะกรรมการธนาคารได้กำหนดรายละเอียดในการกู้ยืมไว้แล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ เงินกู้ที่มีวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยสนับสนุน SMEs รายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีหลักประกัน จะให้กู้ยืมเงินได้โดยให้ บสย.ค้ำประกันทั้งจำนวน ส่วนวงเงิน 1-5 ล้านบาท ในกรณีที่เป็นสมาชิกของภาคีของธนาคาร และภาคีเหล่านี้ช่วยกลั่นกรองคุณภาพให้ในเบื้องต้น จะสามารถผ่อนปรนในเรื่องหลักประกันได้ โดยให้ บสย.ค้ำประกันบางส่วน วงเงิน 5-15 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของธนาคาร เช่น ศักยภาพของลูกหนี้ และการกำหนดมูลค่าหลักประกัน ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่าการกู้ยืมในทุกวงเงิน SMEs โดยเฉพาะรายย่อยที่มากู้ยืมจะต้องไปจดทะเบียนการค้ากับกระทรวงพาณิชย์ หรืออย่างน้อยกับศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ขณะธนาคารสามารถรักษาคุณภาพลูกหนี้ในเดือน พ.ค. 2558 ได้ดีขึ้น โดยเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. 2558 เพียง 17 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2558 ธนาคารมียอดเอ็นพีแอล 28,785 ล้านบาท (คิดเป็น 33.29%) ลดลงจากยอดเอ็นพีแอลจำนวน 31,960 ล้านบาท (คิดเป็น 37.61%) ณ สิ้น ธ.ค. 2557 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับเป็นผลงานที่น่าพึงพอใจตามควรเมื่อพิจารณาได้ว่า SMEs รายย่อยซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร ได้รับผลกระทบสูงมากจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และคาดว่าเดือน มิ.ย. 2558 เอ็นพีแอลของธนาคารจะลดลงได้อีก เพราะการขายลูกหนี้เอ็นพีแอลที่ธนาคารดำเนินการอยู่จะปรากฏผลในเดือน มิ.ย.
ด้านนายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ในส่วนของการดูแลลูกค้า SMEs รายย่อยที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง ธนาคารได้จัดงานเริ่มต้นวันใหม่ โดยเชิญลูกหนี้สถานะคดีฟ้องร้องแล้วถึงพิพากษาและบังคับคดี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 3,078 ราย คิดเป็นเงินต้น 1,403 ล้านบาท ซึ่งจะจัดคลินิกเจรจาต่อรองเป็นรายบุคคล เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้รายย่อยไม่ถูกฟ้องล้มละลาย ได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยภายในงานมีกิจกรรมฝึกอาชีพ เพื่อเสริมสร้างโอกาสการทำธุรกิจใหม่ให้ลูกค้าที่สามารถเจรจาหนี้เรียบร้อย และเริ่มต้นเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *