ครม.อนุมัติวงเงิน 4,100 ล้านบาทปล่อยกู้ช่วยเหลือเอสเอ็มอีกรายละไม่เกิน 15 ล้านบาท รวม 2 โครงการ โดยรัฐฯ รับภาระชดเชยค่าธรรมเนียมให้เอสเอ็มอี ด้านคลังย้ำต้องคุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 18%
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) วงเงินรวม 4,100 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 โครงการ คือ โครงการ portfolio Guarantee scheme หรือ PGS ระยะที่ 5 มีวงเงินค้ำประกันรวม 240,000 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 1.75% ต่อปีของวงเงินค้ำประกัน โดยปีแรกรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระชดเชยค่าธรรมเนียมแทนเอสเอ็มอี
ส่วนโครงการที่ 2 คือ Policy Lone หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 15,000 ล้านบาทโดยต้องเป็นลูกหนี้ใหม่และไม่ใช่ลูกหนี้ที่โอนหนี้มาจากสถาบันการเงินอื่น ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4% ระยะเวลา 3 ปี ส่วนปีที่ 4-5 ให้เป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์กำหนด โดยรัฐชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้แก่เอสเอ็มอีแบงก์ ในอัตรา 3% ในส่วนของเงินให้สินเชื่อ 15 ล้านบาทแรกในช่วง 3 ปีแรก ขณะเดียวกันยังให้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเงื่อนไขคือ มีวงเงินค้ำประกันรวม 15,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินค้ำประกันต่อรายสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท ไม่เกิน 5 ปี โดยผู้กู้ต้องเป็นลูกหนี้ใหม่ และไม่ใช่ลูกหนี้ที่โอนหนี้ (รี-ไฟแนนซ์) มาจากสถาบันการเงินอื่น กู้ยืมไม่เกิน 5 ปี
“เดิม ครม.เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 58 ได้เห็นชอบทั้ง 2 โครงการที่จะเข้าไปช่วยเหลือเอสเอ็มอีไปแล้ว แต่ ครม.ให้ไปสรุปวงเงินงบประมาณที่จะนำไปชดเชยให้ชัดเจน จึงต้องกลับไปคิดและนำมาเสนอใหม่ โดยในโครงการพีเอสจี ระยะที่ 5 รัฐเพิ่มวงเงินชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้เอสเอ็มอีอีกจำนวน 50,000 ล้านบาท ทำให้โครงการดังกล่าวมีวงเงินค้ำประกันรวม 240,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ค่อนข้างแข็งแรงได้ดีขึ้น ส่วนโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มีวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท โดยผู้กู้ต้องเป็นลูกหนี้ใหม่และไม่ใช่ลูกหนี้ที่โอนหนี้ (รี-ไฟแนนซ์) มาจากสถาบันการเงินอื่น ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 5 ปี ซึ่งจะช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็กๆ ที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนให้มีทุนไปทำกิจการได้คล่องตัวยิ่งขึ้น” รองโฆษกฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้านนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า หลังจากที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณชดเชยโครงการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) วงเงินรวม 4,100 ล้านบาทแล้ว ต้องควบคุมไม่ให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL เกินกว่า 18% อีกด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *