แฟรนไชส์อาหารสูตรชาววัง ของ “เสาวลักษณ์ เขียวมีส่วน” หรือ “คุณแจ๊ส” เป็นที่รู้จักมาได้ระยะหนึ่ง จากเมนูสูตร หอยครก ขนมครกธัญพืช ขนมจีนสมุนไพร และที่ผ่านมาได้ถ่ายทอดสูตรผ่านการขายแฟรนไชส์ ภายใต้ชื่อที่รู้จักกันว่า “ฅนวัง” กว่า 300 สาขา หลายคนคงอยากรู้ ทำไมถึงขยายสาขาได้เร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ปี...
เสาวลักษณ์ เธอใช้ชีวิตเติบโตในวังพระราชฐานชั้นในมาตั้งแต่วัยเด็ก ได้พักอาศัยอยู่ในตำหนักซึ่งต้องคอยช่วยคุณยายหน้าตำหนักทำขนม อาหารชาววัง และได้มีโอกาสเข้าไปทำงานอยู่ในส่วนงานห้องเครื่องเสวย ได้เห็นสูตรอาหาร และความละเมียดละไมในการทำอาหาร หลังจากเรียนจบคณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงมีโอกาสเข้ามาทำงานด้านตรวจสอบการจัดซื้อ และตรวจสอบวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำอาหารในวัง
ด้วยระยะเวลากว่า 20 ปีที่คุณแจ๊สใช้ชีวิตอยู่ในส่วนห้องเครื่องเสวย จึงเก็บเกี่ยวประสบการณ์และทักษะความรู้ด้านการทำอาหารมากพอที่จะแบ่งปันความรู้นั้นให้แก่ผู้อื่น ทำให้เธอมีความคิดริเริ่มที่อยากจะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยเปิดสอนสูตรอาหารชาววังที่เธอได้รับการถ่ายทอดมา โดยเธอตั้งใจว่าจะเปิดสอนให้คนที่สนใจเพื่อจะได้นำไปทำเป็นอาชีพ ในลักษณะของแฟรนไชส์
“แจ๊สคิดว่าการเปิดร้านอาหารต้องใช้คนเยอะ ควบคุมได้ยาก สูตรอาหารที่ทำเราก็ไม่สามารถควบคุมสูตรอาหารนั้นได้เลย แต่ถ้าเปิดทำในรูปแฟรนไชส์ จะทำให้เราควบคุมสูตรอาหารที่เป็นเคล็ดลับความอร่อยนั้นได้ดีกว่า”
สำหรับเมนูแรกที่ขายคือ "หอยครกซีฟูดส์ ” ที่มีสูตรแป้งที่กรอบอร่อย นำมาประยุกต์ทอดบนกระทะขนมครก ขายพร้อมสูตรน้ำจิ้มในราคาเริ่มต้นที่ 4,900 บาท เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2553 ที่มหกรรมเฟรนไชส์ ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ผลตอบรับที่ได้ถือว่าค่อนข้างดี จากนั้นอีกประมาณ 6 เดือนจึงได้นำสูตร ขนมจีนสมุนไพร 7 สี ออกมาวางจำหน่ายในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งทำโฆษณาผ่านสื่อ นิตยสาร ผลตอบรับออกมาดีมาก มีคนสนใจมาเรียนสูตรการทำขนมจีนเดือนละ 3-4 ราย มีรายได้ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน
“โดยส่วนตัวค่อนข้างพอใจรายได้ที่ได้จากการเปิดสอนสูตร หอยครก และ ขนมจีนสมุนไพร 7 สี เพราะเราไม่ต้องลงทุนอะไร ใช้แค่ประสบการณ์ที่เราเคยเห็นมาตั้งแต่เด็กมาสอนสูตรการทำอาหาร และสอนเคล็ดลับต่างๆ ให้ ส่วนลูกค้าที่ซื้อแฟรนไชส์ของเราจะคิดแค่ค่าอุปกรณ์ และวัตถุดิบ ป้ายร้านเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก ขณะที่ผลตอบแทน หรือส่วนกำไรที่แฟรนไชส์จะได้รับสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว”
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเลือกลงสื่อผ่านนิตยสาร และการออกงานแฟร์ ลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มเดิม ซึ่งเป็นกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าเท่านั้น จนเมื่อปี พ.ศ. 2555 เริ่มมองว่ากระแสการทำตลาดผ่านช่องทาง E-Commerce เริ่มได้รับความนิยมในเมืองไทย ไปไหนก็เห็นแต่คนใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต จึงเริ่มค้นหาข้อมูลการทำอีคอมเมิร์ซจากเว็บไซต์ Google และเริ่มทำเว็บไซต์มีชื่อว่า www.tansthai.com
“ในช่วงแรกลองซื้อโฆษณา Google AdWords กับเอเยนซีที่พบในอินเทอร์เน็ต ลองผิดลองถูกจนมาซื้อกับ Google โดยตรง โดยเริ่มต้นลงทุนโฆษณาในครั้งแรกประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อเดือน จากนั้นจึงค่อยๆ วิเคราะห์ลูกค้าว่ามาจากช่องทางไหน ซึ่งในช่วงแรกที่ลงโฆษณากับ Google มีสัดส่วนลูกค้ามาจากนิตยสารและลูกค้าที่มาจากทางออนไลน์ 50:50 จนปัจจุบันลูกค้าที่มาจากโฆษณากับ Google Adwords สูงขึ้นเป็น 80-90% ถ้าเทียบกับการลงโฆษณาจากสื่ออื่นๆ ซึ่งมีแค่ 10-20%”
เสาวลักษณ์เล่าว่า ปัจจุบันอาศัยการทำการตลาดด้วยการโฆษณาสินค้าเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีกิจกรรม โปรโมชันเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าด้วย โดยที่ผ่านมา ได้มีการจัดโปรโมชัน ซื้อสูตรอาหาร 1 สูตรแถมให้อีก 1 สูตร และการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าก็เป็นหัวใจสำคัญ เพราะถ้านำของที่คุณภาพไม่ดี มาขายให้ลูกค้าต่อไปก็ไม่กลับมาซื้ออีก ที่สำคัญเกิดการบอกแบบปากต่อปาก
“สำหรับลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากซื้อสูตรแล้วสามารถเข้ามาเรียนทำอาหารได้ที่ออฟฟิศแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ ในส่วนของลูกค้าต่างจังหวัดเรามี VCD สื่อการสอนที่ถ่ายทอดได้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน”
ทั้งนี้ ปัจจุบันคุณแจ๊สมีแฟรนไชส์ด้านอาหารขยายออกไปถึง 5 แฟรนไชส์ ได้แก่ หอยครกซีฟูดส์, หอยทอดทะเลกระทะร้อน, ขนมจีนสมุนไพร 7 สี, ขนมครกชาววัง (หน้าธัญพืช 9 หน้า) และ Oshi takoyaki ซึ่งสามารถสร้างรายได้ประมาณเดือนละ 100,000-120,000 บาท มีลูกค้าติดต่อเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ประมาณ 20-30 รายต่อเดือน จนถึงปัจจุบันมีแฟรนไชน์ทั้งหมดประมาณ 300 สาขา ส่วนแฟรนไชส์ที่ขายดีที่สุดในช่วงนี้คือ ขนมครกชาววังหน้าธัญพืช
โทร. 08-5664-6736, 09-2784-1925 www.tansthai.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *