เป่าแก้ว งานศิลปะที่ถูกถ่ายทอดมาหลายยุคหลายสมัย จนถึงปัจจุบันได้เห็นงานเป่าแก้วในแบบที่แตกต่างออกไปจากอดีต รวมถึงเครื่องประดับสวยๆ ที่เกิดจากการเป่าแก้วที่กำลังจะกล่าวถึงในครั้งนี้ เกิดจากศิลปะการเป่าแก้ว
ผลงานของกลุ่มเป่าแก้วประยุกต์ศิลป์ไทย หรือ silp’s kaew ศิลป์แก้ว ของ “นายสมชาย น้อยจินดา” ผลงานของกลุ่มที่คุ้นเคยกันดี เช่น เรือสุพรรณหงส์ มังกร เรือสำเภา ปีนักษัตร และของมงคลต่างๆ รูปแบบที่ระลึกไทย เป็นของฝากของที่ระลึกขายนักท่องเที่ยวมาช้านาน
และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป งานฝีมือเหล่านี้ก็ตกมาถึงยุครุ่นลูกอย่าง “วีรินทร์ น้อยจินดา” ซึ่งเรียนจบด้านศิลปะ ได้นำความรู้งานศิลปะมาผสมผสานกับเทคนิคการเป่าแก้วของผู้เป็นพ่อ ได้งานเป่าแก้วสีอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร ภายใต้แบรนด์ ELIGARF GLASS JEWELRY&ARTS
วีรินทร์เล่าว่า ผลงานเป่าแก้วของตนแตกต่างจากงานเป่าแก้วของคุณพ่ออย่างสิ้นเชิง เพราะมีการนำแก้วสีมาใช้ในการสร้างชิ้นงานมากขึ้น และที่สำคัญรูปแบบเป็นงานดีไซน์ที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร โดยได้ต้นแบบมาจากเครื่องประดับแก้วสไตล์อเมริกา และยุโรป และเน้นการทำงานตามออเดอร์ ดังนั้น ลูกค้าต้องการชิ้นงานแบบไหนสามารถสั่งทำได้ และเป็นจุดขายที่ลูกค้าพึงพอใจ เพราะจะได้ชิ้นงานที่เป็นชิ้นเดียวสำหรับตัวเอง ไม่เหมือนใคร
ทั้งนี้ ชิ้นงานของ ELIGARF GLASS JEWELRY&ARTS แตกต่างจากงาน ศิลป์แก้ว โดยสิ้นเชิง เพราะนอกจากรูปแบบที่ ศิลป์แก้ว เน้นความเป็นไทย และเป็นชิ้นงานที่เหมาะสำหรับการซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึก แต่สำหรับแบรนด์ของ ELIGARF จะเน้นประโยชน์ใช้สอย เช่น เครื่องประดับ มากกว่าชิ้นงานที่เป็นของแต่งบ้าน
“การตลาด กลุ่มเป่าแก้ว “ศิลป์แก้ว” ของคุณพ่อก็ยังคงทำชิ้นงานการออกแบบเช่นเดิม แต่ก็มีการนำส่วนแก้วสีเข้าไปตกแต่งบ้างเพื่อให้เกิดความสวยงาม และลูกค้าที่ชื่นชอบงานของคุณพ่อจะได้เห็นชิ้นงานในแบบที่มีสีสันมากขึ้น ส่วนลูกค้าของคุณพ่อก็ไม่ได้ลดลง ลูกค้าที่ชื่นชอบงานในแบบของคุณพ่อก็ยังมีอยู่อีกมาก ในขณะเดียวกัน ลูกค้าของคุณพ่อก็ยังมาเป็นลูกค้าของเราด้วย เช่น ลูกค้าประเทศญี่ปุ่น เป็นลูกค้าประจำของพ่อก็หันมาซื้อสินค้าของเราไปด้วย”
สำหรับช่องทางการขายของ ศิลป์แก้ว ที่ผ่านมาจะเน้นออกงานแสดงสินค้า และการบอกกันแบบปากต่อปาก แต่หลังจากได้ปรับเรื่องรูปแบบ กลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น หันมาใช้การทำตลาดแบบออนไลน์ ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ เพราะการขายออนไลน์ไม่ได้ลุูกค้าแค่ในประเทศ แต่ยังได้ลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาด้วย
และยังได้เข้าร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยทางกรมฯ จะมาช่วยในเรื่องของการนำนวัตกรรม Innovation เข้ามาพัฒนาสินค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนา ที่วางไว้คือ ต้องการจะทำให้ชิ้นงานเครื่องประดับแก้วที่เป็นสปา คือ มีการเติมกลิ่นหอมลงไปในเครื่องประดับแก้ว ทำให้มีกลิ่นเหมือนกับการทำสปา รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้ดูมีราคามากขึ้น
วีรินทร์พูดถึง ผลิตภัณฑ์ การออกแบบเครื่องประดับแก้ว ของเธอว่า บังเอิญคล้ายคลึงกับงานลูกปัดแก้วแพนโดราที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งลูกปัดแก้วแพนโดรานั้นเป็นลูกปัดที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ราคาค่อนข้างสูง มีจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เม็ดหนึ่งราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป ซึ่งลูกค้าได้มาเห็นงานเป่าแก้วของเราก็สั่งทำชิ้นงานที่คล้ายกับงานลูกปัดแก้วแพนโดรา ซึ่งการสั่งทำกับเรา ราคาเพียงเม็ดละ 900-1,000 บาทเท่านั้น ปัจจุบันมีคนมาสั่งเราทำแบบลูกปัดแก้วแพนโดรา และนำไปจำหน่ายต่ออีกทีหนึ่ง
สำหรับแผนการตลาดที่วางไว้ เรายังคงคอนเซ็ปต์การออกแบบชิ้นงานให้มีความเป็นสากล เพราะที่ผ่านมา งานเป่าแก้วในลักษณะของเครื่องประดับได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่เคยเดินทางไปต่างประเทศ และได้เห็นชิ้นงานในลักษณะนี้ เพราะในเมืองไทย งานเป่าแก้วสีสไตล์อเมริกา เช่น เครื่องประดับ ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ดังนั้น คาดหวังว่าในอนาคตอาจจะได้มีโอกาสขยายตลาดต่างประเทศให้ได้มากขึ้น โดยปัจจุบัน ELIGRAF กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ 30% จากการเริ่มทำตลาดมาเป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง ซึ่งช่องทางขายหลักก็ยังคงเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์ก
โทร. 08-1594-7076, www.facebook.com/ELIGRAF
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *