xs
xsm
sm
md
lg

แฟรนไชส์ ‘Jeju’ ท้าพิสูจน์ไอศกรีมสุดฮิตจากแดนเกาหลี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เทรนด์ฮิต “เค-ป๊อป” ส่งผลให้วัฒนธรรมต่างๆ ของแดนกิมจิ พลอยได้รับความนิยมจากชาวไทยตามไปด้วย โดยเฉพาะธุรกิจอาหารเกาหลี มีผุดขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้น คือ แบรนด์น้องใหม่อย่าง ‘Jeju Soft Cream’ ไอศกรีมสุด chic จากต้นตำรับถูกลัดฟ้าเข้ามาทำตลาดเมืองไทย พร้อมขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์
ชยศรี ขำขนิษฐ์
ชยศรี ขำขนิษฐ์ เจ้าของธุรกิจเป็นหนึ่งในคนไทยที่ชื่นชอบวัฒนธรรมเกาหลี จึงรวมกลุ่มเพื่อนๆ ไปท่องเที่ยวเกาะเชจูง (แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังประเทศเกาหลี) และได้พบเจอกับไอศกรีมที่มีลักษณะเด่น เสิร์ฟในโคนขนาดยาวทำจากข้าวโพดแท้ๆ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากวัยรุ่นชาวเกาหลี
โคนทำจากข้าวโพด
“ตอนที่พวกเราได้ไปเที่ยวเกาะเชจู ประเทศเกาหลี ก็เห็นไอศกรีมชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งจากคนเกาหลี และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องต่อแถวยาว เพื่อรอซื้อ ทำให้พวกเราเกิดความสนใจ อยากจะนำมาขายในบ้านเราบ้าง เพราะประเทศไทยนิยมเกาหลีอยู่แล้ว และชอบสิ่งของแปลกใหม่ อีกทั้งยังเป็นเมืองร้อน เหมาะจะกินไอศกรีม ดังนั้น จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลไอศกรีมชนิดนี้” ชยศรี เผยและเล่าต่อว่า

“กระทั่งเมื่อกลางปีที่แล้ว ได้ไปเดินงาน ThaiFEX (งานแสดงสินค้าอาหารเพื่อการส่งออก จัดโดยกระทรวงพาณิชย์) พบบริษัทผู้ผลิตเครื่องทำไอศกรีมชนิดนี้จากประเทศเกาหลีมาออกบูทด้วย จึงได้เจรจาซื้อเครื่อง ทั้งเครื่องทำไอศกรีม และเครื่องทำโคนข้าวโพด เพื่อมาทำขายในเมืองไทย โดยหุ้นกับเพื่อนรวม 5 คน ลงทุนเบื้องต้นหลักล้านบาท” เธอ บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจ

แม้ว่าจะเป็นไอศกรีมจากต้นตำรับประเทศเกาหลี แต่การมาขายในเมืองไทยนั้น ชยศรีเผยว่า ได้มีการปรับสูตรให้ลักษณะเนื้อไอศกรีมและเนื้อโคนข้าวโพดถูกปากคนไทยมากยิ่งขึ้น อย่างเนื้อไอศกรีม ถ้าเป็นแบบเกาหลีแท้ๆ จะค่อนข้างหยาบ คลายเกร็ดน้ำแข็ง จึงมาปรับให้เนื้อไอศกรีมเนียนละเอียดยิ่งขึ้น โดยทำมาจากนมสดแท้ๆ 100%

ส่วนตัวโคนข้าวโพด ถ้าต้นตำรับเนื้อจะแน่นและแข็ง จึงได้ปรับใช้ข้าวโพดพันธุ์จากสหรัฐฯ ควบคู่กับใส่ส่วนผสมที่เป็นสูตรลับของตัวเอง ช่วยให้โคนมีความฟูมากขึ้น กรอบนอก นุ่นในและมีกลิ่นหอม ช่วยให้กินได้ง่ายและไม่อิ่มจุกเกินไป รวมถึง การเสิร์ฟถ้าเป็นในประเทศเกาหลีจะใส่โคนยาวขนาด 2ฟุตกว่า ซึ่งเป็นปริมาณมากเกินไปและถือไม่สะดวก ดังนั้น ลดขนาดให้เหลือแค่ประมาณ 1 ฟุต เหมาะกับพฤติกรรมการกินของคนไทย
คีออสของ‘Jeju Soft Cream’
“เริ่มแรก พวกเราก็ช่วยกันเองทั้งหมด ทั้งเรื่องการคิดสูตร ปรับให้เหมาะกับความชอบของคนไทย รวมถึงออกแบบคีออส และสร้างแบรนด์เอง โดยที่มาของแบรนด์ ‘Jeju Soft Cream’ เพราะเป็นเมืองที่พวกเราไปเที่ยวและเจอไอศกรีมชนิดนี้ รวมถึง สื่อถึงความเป็นเกาหลีได้ดี” เธอเล่า และเสริมต่อว่า

“การตลาดเบื้องต้น ใช้วิธีเช่าพื้นที่ออกบูทในงานแฟร์เกี่ยวกับอาหารเกาหลีที่ห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ประมาณเดือนกันยายนปีที่แล้ว (2557) ปรากฏว่า ได้ผลตอบรับดีอย่างไม่น่าเชื่อ ขายดีจนแทบจะไม่ได้หยุดพักตลอดทั้งวัน ระยะเวลาออกบูทแค่ 10 วัน สร้างรายได้หลายแสนบาท” ชยศรี ระบุ

เมื่อได้เสียงตอบรับดีดังกล่าว ประกอบกับมีผู้สนใจขอซื้อธุรกิจจำนวนมาก เป็นที่มาของการต่อยอดปล่อยแฟรนไชส์ โดยกำหนดการลงทุน ประกอบด้วยเงินลงทุนแรกเริ่ม ประมาณ380,000 บาท ได้รับอุปกรณ์พร้อมเริ่มอาชีพ เช่น เครื่องทำไอศกรีม วัตถุดิบเริ่มต้นพร้อมขาย คีออส์ และการอบรม เป็นต้น

สำหรับเงื่อนไขสำคัญในการลงทุนแฟรนไชส์ไอศกรีม ‘Jeju Soft Cream’ ต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น ได้แก่ ผงไอศกรีม ราคาส่ง 370 บาท (น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม สามารถนำไปทำไอศกรีมได้ทั้งหมด 50 โคน) กับโคนข้าวโพด ราคาส่งชิ้นละ 8 บาท เบ็ดเสร็จในไอศกรีมหนึ่งโคนจะมีต้นทุนรวมแล้วอยู่ประมาณ 15 บาท ส่วนราคาขายปลีก กำหนดไว้ที่ 49 บาท ดังนั้น ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 34 บาทต่อโคน ถ้าขายได้เฉลี่ยวันละประมาณ 100 โคน จะมีอัตราคืนเงินลงทุนได้ภายใน 2.5-3 เดือน

ชยศรี ให้ข้อมูลเสริมว่า ขณะนี้มีหน้าร้านต้นแบบอยู่ที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ยอดขายโดยเฉลี่ยประมาณวันละ 200 โคนต่อวัน ดังนั้น หากผู้สนใจมีทำเลเหมาะสมเชื่อว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ‘Jeju Soft Cream’ มีรวมกันจำนวน 4 สาขา แบ่งเป็นขยายด้วยตัวเอง 2 แห่ง และเป็นสาขาของแฟรนไชส์ 2 แห่ง และเป้าภายในปีนี้ (2558) จะปล่อยแฟรนไชส์เพิ่มอีก 2 จุดให้รวมกันมีทั้งหมด 6 แห่ง

ด้านการสนับสนุนแฟรนไชส์นั้น เธอให้ข้อมูลว่า ในส่วนของเครื่องทำไอศกรีม จะอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทผู้ผลิตประเทศเกาหลี รับประกันซ่อมฟรี1 ปี นอกจากนั้น จะมีการสนับสนุน ในด้านสร้างแบรนด์ ผ่านการออกงานแสดงสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อแนะนำตัวเองให้ลูกค้ารู้จักในวงกว้าง รวมถึง มีทีมที่ปรึกษาคอยตรวจสอบ และแนะนำให้สาขามีมาตรฐานตามกำหนด

เธอเผยด้วยว่า ปัจจัยสำคัญที่สุด สำหรับการจะประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ คือ มี “ทำเล” เหมาะสม ซึ่งควรอยู่ในย่านชุมชนคนรุ่นใหม่ รวมตัวอยู่จำนวนมาก เช่น หน้าสถาบันการศึกษา ย่านชอปปิ้ง เป็นต้น

ส่วนด้านการแข่งขัน ยังถือว่าไม่รุนแรงมากนัก เพราะจากที่สำรวจตลาดพบว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจไอศกรีมลักษณะนี้ประมาณ 3 ราย ทว่า ในส่วนรายละเอียดของสูตรเนื้อไอศกรีมและโคนข้าวโพดจะแตกต่างกันไป และเมื่อเทียบกับความนิยมเทรนด์เกาหลีที่ขยายไปสู่ชาวไทยในวงกว้างแล้ว เชื่อว่าตลาดยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว และยังมีโอกาสขยายเพิ่มอีกมาก
ตารางลงทุนแฟรนไชส์
สนใจธุรกิจติดต่อ โทร.089-990-4005 , 099-442-9652 , 081-483-3015 หรือ www.jejusoftcream.com / FB: Jeju soft cream และ IG: jeju_softcream

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น