ลูกสาวโรงงานทำรองเท้าหนังส่งออกรายใหญ่ แตกยอดธุรกิจครอบครัว สร้างสรรค์กระเป๋าน้องใหม่ แบรนด์ไทยสุดหรูที่กำลังมาแรงสุดๆ ในหมู่สุภาพสตรีกลุ่มไฮเอ็นด์ผู้รักแฟชั่นกระเป๋า จากดีไซน์สุดเท่ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย อีกทั้ง นำเทคนิคเย็บรองเท้ามาผสมผสาน ช่วยเสริมความแข็งแรง รวมถึงใช้วัสดุเกรดเอ และหาไม่ได้ในท้องตลาดทั่วไป แถมด้วยแผนการตลาดให้ลูกค้าต้องคอยลุ้นทุกๆ สิ้นเดือน ทั้งหมดคือจุดเด่นของแบรนด์ “31Thanwa” (31 ธันวา)
เจ้าของกระเป๋า แบรนด์ “31Thanwa” คือ “บุญนุช วิทยสัมฤทธิ์” หรือ “เก๋” สาวมาดเท่ จากรั้วคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยครอบครัวทำธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) รองเท้าหนังให้แก่แบรนด์ดังๆ ระดับโลกมากว่า 60 ปี
“คนส่วนใหญ่ มักจะถามเก๋ว่า ธุรกิจครอบครัวทำรองเท้าอยู่แล้ว ทำไมไม่ต่อยอดทำรองเท้าต่อไป เหตุผลข้อแรก เก๋ต้องการให้คำถามนี้เป็นในหนึ่งจุดขาย เพื่อสร้างเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ให้เกิดความน่าสนใจ เหตุผลต่อมา เป็นความชอบส่วนตัวที่สนใจในการออกแบบกระเป๋า เพราะจะมีอิสระในการสร้างสรรค์งานออกแบบได้มากกว่ารองเท้า ซึ่งจะถูกจำกัดด้วยรูปทรงและการใช้งาน เก๋เลยเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยการทำกระเป๋าหนังเสียก่อน” บุญนุช กล่าว
เนื่องจากเติบโตในโรงงานทำรองเท้าหนัง เมื่อจะมาทำกระเป๋าหนังนั้น เธอบอกว่า นำเทคนิคการเย็บรองเท้าด้วยมือมาประยุกต์ใช้ในการเย็บหูหิ้วของกระเป๋า ประโยชน์ช่วยเสริมความแข็งแรงได้มากกว่าเย็บด้วยจักร นอกจากนั้น ในส่วนของมุมกระเป๋าทุกใบ จะนำเทคนิคของการเย็บส้นรองเท้ามาใช้ ช่วยเพิ่มความทนทาน ไม่เกิดปัญหามุมกระเป๋าปริขาด และที่สำคัญ ยังสร้างเอกลักษณ์ประจำตัวที่ลูกค้าจดจำได้ดี และยังสื่อถึงความเป็นมาของแบรนด์ที่ยอดขายธุรกิจ จากรองเท้ามาสู่กระเป๋าด้วย
“ช่วงแรกที่เก๋ เริ่มทำกระเป๋า แทบจะไม่มีความรู้การผลิตกระเป๋าหนังเลย แต่อาศัยเรียนรู้ผ่านช่าง ซึ่งเก๋คัดจากช่างที่เก่งที่สุดในโรงงานของเรามาทำให้เลย ส่วนการออกแบบ นำความรู้ด้านการออกแบบสถาปัตย์มาประยุกต์ใช้ ประกอบกับดูเทรนด์จากทั้งภาพยนตร์ และนิตยสารในต่างประเทศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เน้นให้ออกมาดูเรียบเท่ และมีฟังก์ชั่นการใช้งาน เปลี่ยนรูปทรงได้หลากหลาย” บุญนุช อธิบาย
ในขณะที่เรื่องวัสดุเป็นอีกจุดเด่นของกระเป๋าแบรนด์นี้ เจาะจงเป็นหนังวัวแท้เกรดดีที่สุด และฟอกย้อมให้เกิดสีและลายเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ หาไม่ได้จากท้องตลาดทั่วไป
ดีไซน์เนอร์สาว เสริมในจุดดังกล่าวให้ฟังว่า เนื่องจากโรงงานรองเท้าหนังของครอบครัว ทำธุรกิจร่วมกับโรงฟอกหนังย้อมหลายรายมายาวนาน เลยอาศัยความสนิทสนมพิเศษดังกล่าว ขอร้องให้ช่วยฟอกหนังชนิดพิเศษขึ้น ในปริมาณวัตถุดิบหนังที่ไม่ต้องมากนัก ซึ่งหากเป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ ทั่วไป ไม่มีโอกาสจะทำได้ เพราะโดยทั่วไป หากโรงฟอกจะย้อมหนังพิเศษให้แก่ใครนั้น ต้องทำครั้งละปริมาณมากๆ และมีค่าใช้จ่ายสูงมากด้วย
จากความพิเศษดังกล่าว ทั้งเรื่องของดีไซน์ เรื่องราวความเป็นมา วัสดุที่ใช้ผลิต รวมถึง แต่ละแบบจะผลิตลักษณ์แฮนด์เมด ช่าง 1 คนรับผิดชอบทำ 1 ใบ และเป็น “Limited Edition” ต่อแบบมีไม่เกิน 100 ใบ ส่งให้กระเป๋าแบรนด์ “31Thanwa” กำหนดตัวเองเป็นแบรนด์ระดับบน ราคาขายเฉลี่ยใบละหมื่นกว่าบาทถึงสูงสุดใบละประมาณสามหมื่นบาท
ด้านทำตลาดนั้น เธอบอกว่า ในช่วงเริ่มต้นเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว อาศัยผ่านทางออนไลน์ ระยะแรกช่องทางตลาดค่อนข้างจำกัดมาก รู้จักอยู่ในลูกค้ากลุ่มแคบๆ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อผลงานไปเข้าตานิตยสารแฟชั่นชื่อดังระดับโลกของต่างประเทศที่กำลังมองหาผลงานนักออกแบบรุ่นใหม่ทั่วโลก ได้นำผลงานไปลงนิตยสาร ในฐานะสินค้าแฟชั่นเด่นที่น่าจับตา ถือเป็นสินค้าไทยรายเดียวที่ได้รับคัดเลือก หลังจากนั้น สินค้าจึงเป็นที่ถูกกล่าวถึง และได้รับความนิยมมากขึ้น
“ช่วงแรกที่เราขายทางออนไลน์ เก๋จะนำเสนอสินค้า โดยถ่ายทั้งภาพนิ่ง และภาพยนตร์ นำเสนอสินค้ากระเป๋าในฉากโรงงานรองเท้า เล่าเรื่องราวความเป็นมา ให้เกิดความสนใจ จนไปเข้าตานิตยสารต่างประเทศ ซึ่งหลังจากแบรนด์เราได้รับการคัดเลือกดังกล่าว เริ่มมีคำสั่งซื้อมากต่อเนื่อง เก๋เลยตัดสินใจทำธุรกิจจริงจัง เปิดโชว์รูม โดยเลือกทำเลสำหรับลูกค้าระดับบน เริ่มจากสาขาแรกที่โรงแรม W Bangkok และขยายไปที่ห้างเอ็มโพเรียม และเอ็มควอเทียร์”
ในส่วนการทำตลาดของ “31Thanwa” ก็น่าสนใจเช่นกัน อันเป็นที่มาของชื่อแบรนด์จากคำว่า “31 ธันวา” สื่อความหมายถึง “สิ้นเดือน” นั่นเอง โดยทุกวันที่ 31 ธันวาคมของแต่ละปี จะการออกคอลเล็กชั่นหลักประจำปี จากนั้น ทุกๆ สิ้นเดือน จะเปิดตัวสินค้าใหม่ รวมถึง จัดกิจกรรมพิเศษรับกับเทศกาลต่างๆ ในแต่เดือน เช่น วันแม่ วันวาเลนไทน์ วันสงกรานต์ เป็นต้น เพื่อตอกย้ำลูกเล่นของแบรนด์ กระตุ้นสนใจแก่ลูกค้าเดิมที่คอยติดตาม รวมถึง หาลูกค้าใหม่
“นี่เป็นโมเดลธุรกิจที่เก๋คิดขึ้นเอง สินค้าแบรนด์ “31Thanwa” จะไม่มีการจัดโปรฯ ลดราคาแบบครึ่งปี ปลายปี รวมถึง ไม่อิงกับการออกสินค้าใหม่ตามฤดูกาลแฟชั่นเหมือนแบรนด์ดังทั่วไป ที่จะมีคอลเล็กชั่น ออทั่ม วินเทอร์ สปริง แต่เราออกคอลเล็กชั่นใหม่ปีละครั้ง ในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี และมีกิจกรรมทุกสิ้นเดือน ซึ่งมันจะสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าคนไทยมากกว่า ที่นิยมซื้อสินค้าใหม่ช่วงปลายปี หรือทุกๆ สิ้นเดือน เพื่อเป็นของขวัญหรือรางวัลให้แก่ตัวเองหรือคนสนิท ซึ่งโมเดลนี้เป็นการเล่นกับลักษณะอุปนิสัยของคนไทย”
นอกจากนั้น สิ่งที่แบรนด์จากดีไซน์เนอร์สาวรายนี้ มอบแก่ลูกค้า คือ ใส่ใจบริการหลังจากการขายที่กล้าพิสูจน์กว่าพิเศษไม่แพ้กระเป๋าแบรนด์ดัง ทั้งการทำความสะอาด ซ่อมกระเป๋าฟรีใน 1 ปีแรก เพื่อให้ผู้ซื้อไปรู้สึกคุ้มค่า และประทับใจ
"เก๋จะเทียบสินค้ากระเป๋าของตัวเองว่า เป็นเหมือน "ลูกสาว" ที่เราต้องดูแลให้ดีที่สุด ดังนั้น บริการเพื่อดูแลสิ่งที่รักจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก แนวคิดนี้ มาจากที่เก๋เคยซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงๆ แต่กลับต้องหาร้านซ่อมเอง เราเคยกลับมาคิดว่า ต้องมอบบริการที่ให้มากกว่าลูกค้าคาดหวัง เพื่อให้ลูกค้าที่ยอมจ่ายเราใบละหมื่น รู้สึกคุ้มค่า ที่ได้รับกระเป๋าไม่เหมือนใคร แถมบริการ แม้แต่แบรนด์ระดับโลกยังไม่มี"
บุญนุช ระบุด้วยว่า กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นสุภาพสตรี วัยทำงาน รายได้ค่อนข้างมั่นคง สามารถตัดสินใจซื้อกระเป๋าใบละหลักหมื่นบาทได้ไม่ยาก โดยมักมีบุคลิกเป็นสาวยุคใหม่ ทันสมัย เลือกสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และคุณภาพคุ้มค่าต่อการใช้งาน อีกทั้ง ยังต้องการสินค้าที่มีเอกลักษณ์ ไม่ต้องซ้ำกับใครด้วย
ติดต่อโทร. 081-644-6623 หรือ www.31Thanwa.com , FB: 31ThanwaShop
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
