xs
xsm
sm
md
lg

กสอ.สู้ภัยแล้ง แนะ 5 วิธีเปลี่ยน ลดการใช้งาน หวังปันน้ำสู่ภาคเกษตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมแก้วิกฤตน้ำแล้ง โดยการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการใช้น้ำไว้ 5 วิธี 1. ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ 2. ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต 3. ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี 4. ปรับเปลี่ยนระบบควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ 5. ปรับเปลี่ยนรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ พร้อมจัดกิจกรรม 2 โครงการ โครงการบริหารจัดการเพื่อยกระดับสังคม และ “โครงการสังคมประกอบการ งานได้ผลคนเป็นสุข”

นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากวิกฤตน้ำแล้งในปัจจุบันส่งผลกระทบในทุกภาคส่วน ทั้งภาคครัวเรือน ภาคเกษตรกรรม ตลอดจนภาคอุตสาหกรรม ที่กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค เนื่องจากน้ำในเขื่อนเก็บกักน้ำหลายๆ แห่งเริ่มชะลอการจ่ายน้ำ โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ในฐานะที่ส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะSMEs จึงมีนโยบายรณรงค์เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการในภาคการผลิตให้ใช้น้ำอย่างประหยัด โดยกำหนดออกมาเป็น 5 วิธีเพื่อเปลี่ยนวิธีการใช้น้ำ สู่การจัดการการใช้น้ำอย่างชาญฉลาด ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ คือการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งอาจจะเป็นการลดหรือยกเลิกการใช้วัตถุดิบที่เป็นต้นเหตุของการใช้น้ำในปริมาณสูง อาทิ ในอุตสาหกรรมอาหาร หากสามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความสะอาดสูง เพื่อช่วยลดขั้นตอนการทำความสะอาดและช่วยประหยัดน้ำในการชำระล้าง โดยการคัดสรรวัตถุดิบที่ได้จากภาคเกษตรกรต้องมีการปนเปื้อนให้น้อยที่สุด

2. ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต หมายถึง การปรับแผนการผลิตหรือการปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานตลอดจนเพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงาน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องใช้น้ำในกระบวนการผลิตที่มีปริมาณมากเกินจำเป็น อาทิ ในอุตสาหกรรมฟอกหนังซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำของอุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า ในขั้นตอนการล้างหนังดิบเพื่อกำจัดส่วนที่ไม่ต้องการออก เช่น ขน หรือเศษหนัง เปลี่ยนจากการล้างแบบไหลล้นอย่างต่อเนื่องเป็นการเปลี่ยนการล้างแบบถ่ายทิ้งเป็นช่วงๆ เพื่อลดปริมาณน้ำเสียที่อาจเกิดขึ้นได้

3. ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี หมายถึง การปรับเปลี่ยนกลไกบางอย่างในการผลิต อาทิ ในอุตสาหกรรมฟอกย้อมที่จากเดิมการเตรียมสูตรสีย้อมจะทำโดยการผสมสีแล้วทดลองย้อมจนกว่าจะได้สีที่ต้องการ ซึ่งจะใช้เวลานานในการย้อมหลายๆ ครั้งกว่าจะได้สี จึงเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผสมสีในขั้นตอนการเตรียมสีย้อมทำให้จำนวนครั้งของการทดลองย้อมลดลงอย่างมาก ขณะเดียวกันจะช่วยลดการเกิดน้ำเสียจากกระบวนการผลิตที่ซ้ำซ้อนอีกด้วย

4. ปรับเปลี่ยนระบบควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ อาทิ การควบคุมการทำงานของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในโรงงาน และการควบคุมสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการต่างๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น ตลอดจนเลือกใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีระบบการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การทำความสะอาดบรรจุภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ซึ่งหากควบคุมการจ่ายน้ำในขั้นตอนดังกล่าวได้ก็จะเป็นการประหยัดน้ำอีกระดับหนึ่ง

5. ปรับเปลี่ยนรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ โดยปรับเปลี่ยนหรือลดทอนรายละเอียดบางอย่างของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ ช่วยให้ลดการใช้น้ำลงได้ และช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ทั้งนี้จะต้องไม่ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้อยลง หรือส่งผลเสียต่อลูกค้าหรือผู้บริโภค

นอกจากการรณรงค์ดังกล่าวแล้ว กสอ.ยังมีโครงการที่สอดคล้องกับกิจกรรมเพื่อสังคมอีกหลายโครงการ ได้แก่ “โครงการบริหารจัดการเพื่อยกระดับสังคมการประกอบการ” เป็นการพัฒนาสู่การประกอบธุรกิจด้วยคุณธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดสากล โดยไม่ลืมที่จะใส่ใจต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และ “โครงการสังคมประกอบการ งานได้ผลคนเป็นสุข” โดยอาศัยเครื่องมือ หรือเทคนิคการปรับปรุงการเพิ่มผลิตภาพที่เหมาะสม เช่น 5 ส QCC (Quality Control Cycle) และ Kaizen ฯลฯ โดยในปี 2558 มีผู้เข้าร่วมโครงการแล้วทั้ง 2 โครงการจำนวน 300 และ 600 รายตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถูกจัดเป็น 1 ใน 10 ของประเทศที่ใช้น้ำมากที่สุดในโลก รองจาก อินเดีย จีน สหรัฐอเมริกา ปากีสถาน และญี่ปุ่น เฉลี่ย 2,131 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1-2 เท่า ที่ส่วนใหญ่คนทั่วโลกใช้น้ำ 1,200-1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปีเท่านั้น (ข้อมูล : ผลการศึกษาการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ))

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น