กสอ.รุกเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ไทยผ่าน “โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” คัดเลือก SMEs ที่มีศักยภาพจำนวน 262 ราย ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจผู้ซื้อ เน้น 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ ได้แก่ แฟชั่น อาหารและเกษตรแปรรูป และของใช้และของตกแต่งบ้าน
นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2559 จะมีส่วนสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่จะขยายตลาดไปสู่อาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยจำนวน 10 ประเทศสมาชิกที่มีประชากรรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน
ทั้งนี้ เพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว กสอ.จึงเดินหน้าส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ผ่านการจัดทำ “โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” โดยคัดเลือกผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากจำนวน 2,960 ราย ให้เหลือ 262 ราย เพื่อต่อยอดพัฒนาสินค้าในเชิงพาณิชย์ มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ผ่านการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์และดีไซน์ให้ดูทันสมัย ควบคู่ไปกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้โดดเด่นสวยงามสะดุดตา โดยวางกลยุทธ์การผลิตสินค้าและบริการให้สอดคล้องตามความต้องการที่หลากหลายเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยไปสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพเป็นผู้นำตลาด AEC ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่
• กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งทั้ง 3 อุตสาหกรรม สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละมากกว่า 6 แสนล้านบาท เนื่องจากไทยถือเป็นแหล่งผลิตที่มีวัตถุดิบหลากหลายและมีคุณภาพ รวมทั้งการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์
• กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป เนื่องจากประเทศไทยมีความได้เปรียบในด้านการผลิต ด้วยอาศัยความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในประเทศ
• กลุ่มอุตสาหกรรมของใช้และของตกแต่งบ้าน สินค้ากลุ่มนี้ไทยถือว่ามีศักยภาพค่อนข้างมาก แม้ว่าภาพรวมตลาดทั่วโลกยังคงซบเซา แต่สำหรับตลาดอาเซียนแล้วในช่วง 4-5 ปีได้ก้าวขึ้นมาเป็นตลาดที่เติบโตสูงและน่าจับตามองที่สุด โดยเฉพาะในประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) ตามนโยบายเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศและก่อนการเข้าสู่การเปิด AEC
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าว ขณะนี้ กสอ.ได้คัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพแล้วจำนวน 262 ราย โดย กสอ.ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำ เริ่มจากการประเมินผลิตภัณฑ์ด้วยการวิจัยทางการตลาด ต่อจากนั้นก็จะกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการทดสอบตลาดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาแล้วในลำดับต่อไป
นอกจากนั้น กสอ.จะคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาและมีความโดดเด่นจากจำนวนดังกล่าว 60 ราย เพื่อนำไปเผยแพร่ทดสอบตลาดยังต่างประเทศต่อไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวคาดว่าจะยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สูงขึ้น และขยายตลาดไปสู่อาเซียนด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *