xs
xsm
sm
md
lg

หลังเกษียณ อยากมีเงินไว้ใช้ชิลๆ เดือนละ 15,000 บ. ต้องออมเดือนละเท่าไร?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

โครงการ K-Expert (www.askkbank.com/k-expert) แนะการออมเงิน เพื่อหลังเกษียณแล้ว จะมีเงินไว้ใช้จ่ายเดือนละ 15,000 บาท ดังนี้

ตอนนี้อายุ 25 ปี => ออมเฉลี่ยเดือนละ 8,572 บาท

ตอนนี้อายุ 35 ปี => ออมเฉลี่ยเดือนละ 12,000 บาท

ตอนนี้อายุ 45 ปี => ออมเฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท

ตอนนี้อายุ 55 ปี => ออมเฉลี่ยเดือนละ 60,000 บาท

* อิงอายุเกษียณ 60-80 ปี และไม่ได้นำเงินออมต่างๆ เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. ประกันชีวิต และRMF มารวมคำนวณยอดออมต่อเดือน

ทั้งนี้้ ข้อแนะนำ : ควรแบ่งเงินออมไปลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ในแต่ละช่วงอายุ เพื่อจะได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินเฟ้อ

3 วิธีอยู่รอดหลังเกษียณ

สังคมสมัยนี้ไม่เหมือนกับสังคมยุคก่อนตรงที่สมัยก่อนคนไทยมักจะอยู่กันเป็นครอบครัวขยาย ปู่ย่าตายายมักจะมีลูกหลานรายล้อมอยู่เต็มไปหมด ของกินของใช้ลูกๆ ก็ซื้อเข้าบ้านมาให้เป็นประจำ ทำให้ไม่ขัดสน บ้านก็มีบริเวณให้ทำสวนครัว พอจะสามารถปลูกพืชเพื่อนำมากินหรือขายไปให้กับเพื่อนบ้านได้ไม่ยากนัก

ทว่า สังคมสมัยใหม่ได้มีการแยกกันอยู่มากขึ้น ครอบครัวมีขนาดเล็กลง โดยลูกๆ ต่างก็มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง นานๆ จึงมาเจอหน้าพ่อแม่ อีกทั้งในยุคนี้ หลายๆ ครอบครัวก็ไม่ค่อยนิยมมีลูก ด้วยเหตุผลว่ามีลูกก็เป็นภาระในการเลี้ยงดู ทั้งสามีและภรรยาต่างก็ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ไม่มีเวลาดูแล ด้วยเหตุนี้แล้วคนรุ่นใหม่จึงจำเป็นต้องรีบวางแผนเกษียณเสียแต่เนิ่นๆ หากปล่อยทิ้งเอาไว้นานจะยิ่งทำให้โอกาสที่จะมีเงินเพียงพอใช้ในวัยหลังเกษียณก็จะลดน้อยถอยลงไปทุกปี แต่ถ้าเราพลาดไปแล้ว โดยเมื่อเกษียณแล้วมีเงินเก็บแค่บางส่วนเท่านั้น ไม่สามารถที่จะใช้ได้นานถึงอายุ 80 ปี เมื่อคิดแล้วเห็นว่าไม่พอแน่จะต้องทำอย่างไร บทความนี้มี 3 วิธี เป็นแนวทางดังนี้

วิธีแรก ใช้แรงกายเข้าแลก วิธีนี้มุ่งเน้นการใช้แรงกาย แรงสมองของตนเองทำงานหลังจากเกษียณเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ และสามารถนำรายรับส่วนนี้มาเก็บออมเป็นเงินสำหรับการใช้หลังเกษียณอายุเพิ่มเติมได้ คนที่อายุ 60 ปีในสมัยนี้ หลายๆ คนยังคงมีกำลังวังชาสมบูรณ์เหมือนกับผู้ที่ยังอยู่ในวัยทำงาน เมื่อเรามีแรงพร้อม บวกด้วยประสบการณ์การทำงานที่มีความเชี่ยวชาญในงานที่ทำ การกลับไปเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับองค์กรเดิม หรือบริษัทที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกับเดิมก็คงไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับผู้ที่ไม่คิดจะกลับไปทำงานในสายอาชีพเดิม ก็มีทางเลือกอื่นอีกมากมาย ทั้งการไปทำงานรับจ้างทั่วไป เช่น สอนหนังสือ รับจ้างเลี้ยงเด็ก ก็เป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ หากมีความสามารถพิเศษ เช่น เย็บกระเป๋า หรือจัดดอกไม้ ก็สามารถนำความสามารถเหล่านี้ไปสร้างอาชีพเสริมได้

วิธีที่สอง นำบ้านเข้าแลก หลายๆ คนเมื่อเกษียณแล้ว แม้ว่าจะมีเงินก้อนไม่เพียงพอใช้หลังเกษียณอายุ แต่ถ้าหากไปนับรวมกับมูลค่าของบ้านที่อยู่อาศัยปัจจุบันแล้ว ก็อาจมีเงินใช้เพียงพอได้เช่นกัน โดยหลายคนที่ปกติทำงานในเมืองหลวง บ้านก็อยู่ในเขตที่ดินมีมูลค่าสูง เมื่อเปรียบเทียบกับชุมชนสงบๆ ในต่างจังหวัด โดยหลังจากเกษียณจากการทำงานแล้ว ก็อาจหาจังหวะขายบ้านที่อยู่ในเมืองออกไปให้ได้ราคาดีๆ แล้วนำเงินออกไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงในต่างจังหวัดที่สงบสุข และมีค่าครองชีพที่ถูกกว่าในเมืองหลวง เพียงเท่านี้ เมื่อนับรวมเงินเก็บแต่เดิม บวกด้วยเงินส่วนต่างจากการขายบ้านในเมืองมาซื้อบ้านชนบทแล้ว ก็มีโอกาสที่จะใช้ได้อย่างเพียงพอในวัยหลังเกษียณ

วิธีที่สาม เอาหนี้บุญคุณเข้าแลก วิธีนี้อาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก แต่เมื่อใช้มาหมดแล้วทั้งสองวิธี เงินก็ยังคงไม่พอใช้อีก นอกจากจะประหยัดสุดๆ งดเที่ยว งดช้อปปิ้ง กินข้าวแต่ในบ้าน แล้วก็ยังมีเงินไม่พอใช้ ก็อาจต้องรบกวนลูกหลานหรือญาติพี่น้องให้เข้ามาช่วยเหลือจุนเจือด้านอาหารการกิน และค่าสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเราอาจตอบแทนกลับไปในสิ่งที่เราสามารถทำได้ เช่น ช่วยเฝ้าบ้าน ช่วยทำงานบ้าน หรือช่วยเลี้ยงหลาน เป็นต้น

เชื่อว่าเมื่อเกษียณอายุคงไม่มีใครอยากใช้ทั้ง 3 วิธีข้างต้น เพราะอยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสบาย ดังนั้น การวางแผนเกษียณตั้งแต่อายุไม่มาก จะช่วยให้เรามีโอกาสสูงที่จะสะสมเงินเก็บให้พอใช้จ่ายในช่วงหลังเกษียณได้

บทความโดย K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น