ทีมงานคอลัมน์เจาะพอร์ตคนดัง มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษคุณ วศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. กสิกรไทย จำกัด ซึ่งจะมาบอกเล่าถึงประสบการณ์และสไตล์การออมเงินแบบเรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพให้นำไปเป็นข้อคิดและปรับใช้กันตามความชอบส่วนบุคคล
คุณวศิน เริ่มเราให้ฟังถึงการใช้จ่ายและเก็บออมตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงช่วงเริ่มต้นวัยทำงานว่า …
เริ่มต้นชีวิตการออมเงินของผมจะมาจากการอบรมของพ่อกับแม่ ซึ่งท่านจะบอกให้เราเก็บเงินไว้ในแต่ละสัปดาห์ โดยตอนแรกท่านจะให้เงินผมเป็นสัปดาห์ ขยับขึ้นมาเป็นเดือน และเราก็จะต้องเก็บเงินเอาไว้
ส่วนวิธีการออมนั้นผมจะเก็บก่อนแล้วค่อยใช้ ซึ่งต้องบอกว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า เงินออมคือเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ถ้าจะออมเงินต้องเก็บก่อนแล้วค่อยนำไปใช้นั้นเป็นหลักพื้นฐานที่จะบังคับตัวเองเลยนะไม่ให้ใช้เกิน และผมว่าเทคนิคเก็บก่อนใช้เป็นอะไรที่ดีมากนะ คนส่วนใหญ่มักจะใช้ก่อนเก็บทำให้ไม่มีเหลือเก็บซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น ถ้าคุณมีเงิน 100 บาท คุณเก็บ 10 บาท ที่เหลือ 90 บาทก็นำไปใช้ได้จัดสรรได้ง่ายกว่า
แต่นอกจากการเก็บก่อนค่อยใช้แล้ว คุณแม่ผมถือเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ซึ่งตอนหลังๆ ท่านจะเริ่มให้ค่าขนมผมเป็นเป็นรายสัปดาห์ ผมก็จะเก็บเอาไว้พอถึงช่วงเวลาหนึ่งก็จะนำเงินไปฝากในธนาคาร พออายุมากขึ้นคุณแม่ก็ให้ ATM มาหนึ่งใบ และจะใส่เงินค่าขนมไว้ให้นั่นก็ถือเป็นการออมอีกทางหนึ่ง ถ้าหากใช้ไม่หมดเงินก็จะฝากเอาไว้ในธนาคารโดยอัตโนมัติ
เคยมีเรื่องการใช้เงินที่เกินตัวไหม
เรื่องการใช้เงินเกินตัวส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยมีนะ ถ้าอย่างมากคงจะเป็นเรื่องของการให้รางวัลตัวเองมากกว่า แต่ถ้าเรื่องของการลงทุนแบบใช้อารมณ์ล้วนๆ เลยก็มีครั้งหนึ่ง เป็นช่วงที่ไปเรียนจบกลับมาใหม่ๆ
จำได้ว่าตอนนั้นเริ่มสนใจการลงทุนในหุ้น เริ่มต้นเป็นแบบ DAY TRADE ซื้อเช้าขายเย็นเลยนะ เพราะเราคิดว่า เฮ้ยทำไรกันวะ ซื้อมาขายไปมันง่ายอย่างนี้เลยเหรอ ในใจคิดแบบนั้น และอีกส่วนก็อยากได้เงินด้วย เหมือนซื้อของแล้วไปขายได้ส่วนต่าง แต่ปรากฎว่าเจ๊งครับ เงินเก็บตั้งแต่สมัยเด็ก 2-3 แสนบาทเกือบหมด แต่ไม่หมดนะ มันขาดทุนไปพอสมควร
สุดท้ายแล้วมันก็ทำให้เรารู้ว่าการลงทุนมีสไตล์หลากหลาย ซึ่งมันต้องเลือกให้เหมาะ ตอนนี้ผมจะเป็นพวกBuy&Hold เนื่องจากเราทุกคนมีอารมณ์ในการลงทุน เช่น กลัวขาดทุน กลัวแพงไป กลัวถูกไป ส่วนตัวจึงชอบ Buy&Hold มากกว่าไม่ต้องไปสนใจมัน ดูกันยาวๆ
ส่วนการลงทุนแบบ DAY TRADE ผมไม่ได้บอกนะว่ามันไม่ดีอย่าเข้าใจผิด เพราะมันต้องเลือกให้เหมาะตามที่ตัวเองต้องการ และที่สำคัญควรจะดูสถานการณ์และช่วงเวลา แต่ส่วนตัวผมตอนนี้คิดว่าใช้สไตล์นี้น่าจะดีกว่า
ส่วนตัวจัดสรรพอร์ตการลงทุนอย่างไร?
พอร์ตการลงทุนของผมตอนนี้มีการลงทุนอยู่ที่ 30-40% เป็นการซื้อหุ้นออมเงินมาโดยตลอดค่อยๆทยอยสะสม และอีกส่วนเป็นมูลค่าหุ้นที่มันเพิ่มมาตอนนี้น่าจะประมาณ 200-300% ได้ แต่ตอนหลังนี้ก็จะเป็นการลงทุนในกองทุนรวมเป็นส่วนใหญ่มากกว่า
คนอย่างผมคงไม่มีเวลาไปตามดูหุ้น ซึ่งถ้าเล่นเองข้อมูลก็จะมาจากโบรคฯไม่กี่แห่ง แต่กองทุนรวมนี่เข้ามีเป็นทีมเลยนะ ข้อมูลแน่นมาก แบบนี้ผมว่าน่าจะโอเคกว่าผมไปตามเอง ส่วนการลงทุนประเภทอื่นก็ยังเป็นกองทุนรวม แต่จะเป็นกองตราสารหนี้บาง กองตลาดเงินบาง โดยเราจะต้องมีการวางแผนการใช้เงินให้ดี เพราะเราจะรู้เลยว่าเรามีเงินลงทุนยาวๆ เท่าไร มีเงินอะไรที่จำเป็นต้องใช้บางจะนำไปลงทุนในสินทรัพย์ได้ถูกต้อง
ถ้าจะให้แบ่งง่ายๆ ก็คือเงินส่วนที่ไว้รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินในอนาคต เช่นรายจ่ายในชีวิตประจำวันประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งถือเป็นการออมในระยะแรกๆโดยอาจจะใช้การออมผ่านการลงทุนไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ กองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น หลังจากนั้นก็เริ่มออมเพื่อการเกษียณโดยมองหาผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ซึ่งการจัดสรรเงินลงทุนก็อาจจะต้องดูว่าเราสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหนด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดเป็นมุมมองและแง่คิดของผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการเงิน การลงทุน และเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งไม่ว่าจะเลือกลงทุนแบบไหน หรือใช้เครื่องมืออะไรคงเป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่สำคัญ”เก็บก่อนใช้” มีประโยชน์แน่นอน