ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ 30 ล้าน ให้พม่า - ลาว - กัมพูชา - เวียดนาม สกัดกั้นยาเสพติดเข้าไทย วาง 3 นโยบายรับมือสังคมผู้สูงอายุ นายกฯ สั่งศึกษาทางเลือกประกันตน มาตรา 40 - กองทุนเงินออมแห่งชาติ อันไหนดีกว่า ให้ประชาชนเลือกรับประโยชน์สูงสุด
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบโครงการพัฒนามาตรการปราบปรามยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย สาธาณรัฐแห่งสหภาพพม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และราชอาณาจักรกัมพูชา โดยอนุมัติงบประมาณ 30 ล้านบาท แบ่งเป็นพม่า 20 กว่าล้านบาท สปป.ลาว 1.5 ล้านบาท กัมพูชา 5 ล้านกว่าบาท และเวียดนาม 3 ล้านกว่าบาท เพื่อนำไปดำเนินการสกัดกั้นไม่ให้มียาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย แม้เป็นงบประมาณที่จำนวนไม่มาก แต่เป็นการแสดงออกถึงความตั้งใจของประเทศไทยที่ต้องการช่วยเหลือและป้องกันไม่ให้ยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาภายในประเทศ
ขณะที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้รายงานสถานการณ์แนวโน้มผู้สูงอายุที่มีสูงขึ้น และอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายเพื่อรับมือสถานการณ์ไว้ 3 ส่วน คือ 1. สนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี เช่น การพัฒนาเครื่องมือ เทคโนโลยีให้ผู้สูงอายุได้อยู่อย่างปลอดภัย การส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้ามาดูแล การออกแบบก่อสร้าง อาคารที่พัก ให้เกื้อกูลเหมาะสมกับการดำเนินชีวิต เป็นต้น
2. การเสริมสร้างสุขภาพอนามัยของผู้สูงอายุ จัดระบบสาธารณสุขให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าไปใช้บริการอย่างสะดวกและง่ายขึ้น และ 3. ส่งเสริมประกันรายได้ที่มั่งคงและยั่งยืน โดยผู้สูงอายุบางท่านที่อายุครบ 60 ปีแล้ว แต่ยังมีศักยภาพในการทำงาน และบางคนมีความสามารถในงานเฉพาะทาง จึงจะมีการแก้ไขกฎหมายให้มีความสอดคล้อง
นอกจากนี้ จะมีการวางแผนการออมเงินไว้ใช้จ่ายในยามชรา พัฒนาระบบเงินบำนาญ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการถึงเรื่องกองทุนเงินออมแห่งชาติของรัฐบาลที่ผ่านมา และมาตรการประกันตนมาตรา 40 ที่มีข้อถกเถียงกันว่ากองทุนไหนดีกว่า โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำความชัดเจนว่าแต่ละส่วนมีกฎกติกาอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง และเลือกได้ว่าจะเข้าระบบไหนที่ได้ประโยชน์สูงสุด และไม่เป็นภารต่อรัฐบาล