เพราะรักในการประกอบอาหารเป็นทุนเดิม ควบคู่กับอยากหารายได้เสริม สร้างความมั่นคงในอนาคตให้แก่ลูกตัวน้อยที่เพิ่งเกิด กลายเป็นแรงกระตุ้นให้ “ฐิติพงศ์ ตัณฑุลกนกรัชต์” หรือ “คิม” หนุ่มออฟฟิศด้านออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก ใช้เวลาว่างจากงานประจำสร้างอาชีพเสริมขาย “ตับหมูบด” (Pork Liver Pate) โดยคิดค้นสูตรเฉพาะตัว นำสมุนไพรนานาชนิดมาเสริมให้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร และที่สำคัญเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพ
คิมเล่าว่า งานอดิเรกชอบคิดค้นและทำอาหารนานาชนิดให้สมาชิกในครอบครัว ตลอดจนเพื่อนที่ทำงานได้ลองลิ้มชิมรสอยู่เสมอ ทุกคนต่างชื่นชอบในฝีมือจนถูกยกให้เป็นเชฟประจำบ้านและออฟฟิศ
โดยเมนูพระเอกที่ได้รับการชื่นชมถึงความอร่อยอันดับต้นๆ จากผู้ชิม คือ “ตับบด” พร้อมเชียร์ให้ทำออกขาย กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทดลองทำขายสร้างรายได้เสริม โดยใช้แบรนด์ว่า ‘Happy Kitchen’
“ความรู้ในการทำอาหารต่างๆ ผมจะค้นหาตามอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมีเชฟชื่อดัง ตลอดจนผู้รู้อัดคลิปสอนวิธีทำลงยูทิวบ์จำนวนมาก ผมก็จะลองทำตาม แล้วมาประยุกต์จนได้สูตรของตัวเองที่คิดว่าอร่อยที่สุด สำหรับการทำ “ตับบด” ผมจะใช้วัตถุดิบ “ตับหมู” ในขณะที่ท้องตลาดทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็น “ตับไก่” เหตุผลเพราะผมรู้สึกว่าตับหมูบดรสชาตินุ่นเนียนมากกว่า รวมถึงมีกลิ่นคาวน้อยกว่าด้วย” หนุ่มกราฟิกเผย และเสริมต่อว่า
“สาเหตุที่เลือกจะทำ “ตับบด” ขายเป็นอาชีพเสริม เพราะเห็นว่าเป็นเมนูที่หากินค่อนข้างยาก และที่สำคัญเป็นเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง เข้ากับเทรนด์รักสุขภาพของคนยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นลูกค้าเป้าหมาย”
สูตรทำตับบด ‘Happy Kitchen’ นั้น ฐิติพงศ์แจกแจงให้ฟังว่า ทำแบบโฮมเมด เน้นใช้สมุนไพรนานาชนิดมาเป็นส่วนประกอบสำคัญ เช่น ใบไทม์ ใบกระวาน พริกไทยสด เป็นต้น โดยหัวใจแห่งความอร่อยอยู่ที่การคัดเลือกวัตถุดิบสดสะอาด คุณภาพดี ไม่มีการใส่สารปรุงรส หรือสารกันเสียใดๆ ทั้งสิ้น และต้องทำสดใหม่วันต่อวัน ใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ช่วยให้ได้รสชาติกลมกล่อม และเนื้อสัมผัสละมุนลิ้น
ทั้งนี้ มีด้วยกัน 2 สูตร ได้แก่ 1. สูตร Original จุดเด่นรสเข้มข้น มีกลิ่นหอมสมุนไพร และ 2. สูตร Pepper Extral เพิ่มรสเผ็ดร้อนกับพริกไทยสด สำหรับราคาขาย ตั้งไว้ที่ 80-109 บาท (แล้วแต่ขนาด)
เนื่องจากมีฝีมือด้านการออกแบบติดตัวอยู่แล้ว หนุ่มคิมจึงสร้างสรรค์โลโก้แบรนด์‘Happy Kitchen’ เอง พร้อมกับถ่ายภาพตับบดอย่างสวยงามในหลากหลายมุม แล้วโพสต์ลงสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก happythekitchen อินสตาแกรม และไลน์ นับเป็นการทำตลาดแบบง่ายๆ ต้นทุนต่ำ แต่ได้ผลไม่น้อย เพราะเพื่อนๆ ที่พบเห็นต่างช่วยไปแชร์ต่อ ทำให้ได้ออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ และเริ่มเป็นที่รู้จักของลูกค้าเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ
สำหรับช่องทางขาย คิมบอกว่า ใช้วิธีรับทำตามออเดอร์ที่สั่งผ่านออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ แล้วนัดรับสินค้าตามสถานีรถไฟฟ้า หรือถ้าอยู่ใกล้เขตบางรัก สีลม มีบริการส่งด้วยจักรยานถึงหน้าบ้าน หรือออฟฟิศ อีกทั้งฝากขายที่ร้านเอเอสทีวี บริเวณถนนพระอาทิตย์ นอกจากนั้น ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะไปออกร้านขายตามตลาดนัดสินค้าสุขภาพต่างๆ เช่น ตลาดนัด “ตะลักเกี้ยะ” ย่านเยาวราช เป็นต้น
ในฐานะที่ยังเป็นพนักงานออฟฟิศกินเงินเดือนประจำ เมื่อมาทำอาชีพเสริมควบคู่กันไป เขาเล่าถึงวิธีการบริหารจัดการเวลาให้ทั้งสองส่วนลงตัวว่า ต้องให้ความสำคัญต่องานประจำเป็นอันดับแรกเสมอ ส่วนอาชีพเสริม ใช้เวลาช่วงพักเที่ยงอัปเดตข้อมูลในหน้าร้านออนไลน์ และรับออเดอร์จากลูกค้า ส่วนช่วงเย็นหลังเลิกงานจะไปหาซื้อวัตถุดิบที่ตลาดสดด้วยตัวเองเพื่อนำไปปรุงประกอบช่วงค่ำเตรียมไว้นำไปใส่ในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่วันหยุดสุดสัปดาห์จะไปออกงานตามตลาดนัดสุขภาพ โดยมีภรรยาจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทุกด้าน
เศรษฐกิจชะลอตัว ทำมาหากินยากลำบากอย่างยิ่งแบบนี้ หลายคนมีปัญหาค่าใช้จ่ายสูงเกินรายได้ ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนุ่มกราฟิกคนนี้ที่พยายามดิ้นรนหารายได้เสริมให้ครอบครัว น่าจะเป็นตัวอย่าง และกำลังใจชั้นดี แม้ว่าจะหนักและเหนื่อย แต่หากพยายามเต็มที่ หนทางสู่สิ่งที่ดีกว่ายังมีเสมอ...
ติดต่อ ‘Happy Kitchen’ โทร. 08-1347-9669, 08-0426-4146 หรือ FB: happythekitchen ,Instagram : happythekitchen และ ID Line : au.happy
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *