รวมดีไซน์สุดชิกธุรกิจ “เพื่อนสี่ขา” ขุดสมบัติตลาดหมื่นล้าน

ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทยระบุว่า ตลาดผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงปี 2557 มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท และยังมีอัตราเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10-15% แม้ช่วงเศรษฐกิจซบเซาธุรกิจนี้กลับสวนกระแส บ่งบอกเหตุผลได้ดีว่า ทำไมจึงมีผู้ประกอบการหน้าใหม่กระโดดเข้าสู่วงการต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ คือ มีผลิตภัณฑ์โดดเด่นด้าน “ออกแบบ” ทั้งสวยงาม และตอบประโยชน์ใช้สอย อย่างเช่น 3 รายนี้ ที่ใช้พลังแห่งการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์มิติใหม่เพื่อสัตว์เลี้ยง จนแจ้งเกิดในวงการ

‘Mha’ สานสัมผัสเจ้าของกับน้องหมา

การออกแบบให้เจ้าของกับน้องหมาใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น เพื่อสานสัมผัสให้แนบแน่น เป็นจุดยืนสำคัญของแบรนด์ ‘Mha’ dog and living เช่น บ้านหมา DIY ลักษณะคล้ายเต็นท์ที่เจ้าของต้องกางประกอบเอง หรือผ้าพันคอที่ผู้เลี้ยงค่อยๆ พับและผูกให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดเอง เป็นต้น

พิพิธ โค้วสุวรรณ และอัญชนา ทองไพฑูรย์ เจ้าของไอเดีย ประกอบธุรกิจออกแบบตกแต่งบ้านอยู่แล้ว ส่วนงานประดิษฐ์เครื่องใช้สัตว์เลี้ยง เดิมเป็นเพียงแค่งานอดิเรก ทำขึ้นใช้เฉพาะหมาตัวเอง เนื่องจากหาสินค้าที่ถูกใจในท้องตลาดไม่ได้

“เครื่องใช้สุนัขที่ขายทั่วไป เวลาวางในบ้านมักจะดูไม่เข้ากันเลย และคุณภาพก็ไม่ดีนัก เราเลยทำอุปกรณ์ต่างๆ ใช้กับหมาของเราเอง โดยออกแบบให้เหมาะกับพฤติกรรมของหมา ส่วนวัสดุเกรดเดียวกับที่คนใช้ เมื่อทำออกมามีคนชอบ เลยเห็นโอกาสว่ายังมีคนมองหาสินค้าประเภทนี้อยู่มาก” พิพิธกล่าว

อัญชนาเสริมต่อว่า เครื่องใช้สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่จะเน้นใช้ง่าย สะดวกรวดเร็ว แต่แบรนด์ ‘Mha’ ตรงกันข้าม ให้ความสำคัญต่อความพิถีพิถัน เจ้าของกับสัตว์เลี้ยงจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากยิ่งขึ้น ขณะที่ดีไซน์เป็นสไตล์โมเดิร์น เน้น “สีเทา” ซึ่งเป็นสีเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวได้ดีที่สุด

ในการทำตลาดเบื้องต้น อาศัยสอดแทรกแนะนำต่อลูกค้าที่มาจ้างออกแบบตกแต่งบ้าน ต่อจากนั้นผ่านทางโลกออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ www.mhadogandliving.com / เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/mhadogandliving เป็นต้น ควบคู่ออกงานแสดงสินค้าที่เปิดโอกาสให้แก่นักออกแบบหน้าใหม่ เน้นเป็นการรับผลิตตามคำสั่งซื้อ สินค้าทั้งหมดมีกว่า 10 รายการ ราคาตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน

แบรนด์ ‘Mha’ เปิดตัวเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เพียงปีแรกทำยอดขายกว่า 2 ล้านบาท และโตต่อเนื่อง กลุ่มลูกค้าเป็นคนรักงานดีไซน์และยอมจ่ายสูงกว่าเพื่อแลกกับคุณภาพที่จะได้รับ

พิพิธเผยด้วยว่า สิ่งสำคัญพยายามสร้างทัศนคติแก่คนทั่วไปถึงการจะเลี้ยงสัตว์ควรจะเลี้ยงเมื่อมีความพร้อม และเมื่อเลี้ยงแล้วควรเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง หากผู้เลี้ยงมีทัศนคติดังกล่าวแล้ว เชื่อว่าจะยอมใช้จ่ายเพื่อการดูแลอย่างดีที่สุด

“เงื่อนไขของธุรกิจสัตว์เลี้ยง คือ คนซื้อไม่ได้ใช้ แต่สัตว์เลี้ยงที่ใช้ไม่ได้จ่ายเงินเอง ดังนั้น สิ่งสำคัญต้องให้คนเลี้ยงมีทัศนคติที่อยากจะดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดีที่สุด พวกเราจึงพยายามสร้างแบรนด์อิมเมจในจุดนี้ โดยผ่านทั้งตัวสินค้าชุดใหม่ๆ ที่สอดแทรกแนวคิดนี้ไปกับสินค้า” พิพิธเสริม

ติดต่อธุรกิจ โทร. 09-2448-2525 , FB:mhadogandliving

******************************************************

“PURRU” กระเป๋าแมว 2 in 1

จากปัญหาแมวที่เลี้ยงเวลาจะพาไปโรงพยาบาลมักเกิดอาการจิตตก หวาดกลัว นำมาสู่ไอเดียออกแบบ “กระเป๋าใส่แมว” แบรนด์ “PURRU” ที่เป็นได้ทั้งกระเป๋าและที่นอนในชิ้นเดียวกัน


ฬุศรัณย์ ศิลป์ศรีกุล เล่าว่า ก่อนออกแบบเขาและน้องสาว (แพรศิริ ศิลป์ศรีกุล) เฝ้าดูพฤติกรรมแมวทุกชนิดนับร้อยๆ ชั่วโมง จนรู้นิสัยว่าแมวจะ “ติดกลิ่น” ชอบสร้างอาณาเขตอยู่จุดเดิมๆ ที่ตัวเองคุ้นเคย โดยเฉพาะ “ที่นอน” ขนาดพอดีตัว เป็นสถานที่ที่ชอบมากที่สุด เพราะรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย

ดังนั้น จึงคิดออกแบบกระเป๋าที่เป็น “ที่นอน” และ “กระเป๋า” ควบคู่กันไปในชิ้นเดียว มีประโยชน์ช่วยพาแมวไปข้างนอกได้ ถึงแม้สภาพแวดล้อมรอบตัวจะเปลี่ยนไป โดยรูปแบบจะเป็นกระเป๋าซิป เมื่อรูดออกทั้งหมดทุกด้านจะกางเป็นที่นอนได้ ราคาใบละประมาณ 2,900 บาท สามารถใช้ได้กับแมวทุกพันธุ์ รวมถึงหมาพันธุ์เล็กด้วย ออกตลาดมาเมื่อประมาณเมษายน 2558 ที่ผ่านมา ช่องทางขายเน้นผ่านตลาดออนไลน์ และงานแสดงสินค้า

เขาเผยด้วยว่า ผลตอบรับอยู่ในระดับน่าพอใจ เปิดตัวผ่านช่องทางออนไลน์ www.facebook.com/Purrudesign แค่ 2 เดือนมียอดสั่งแล้วกว่า 50 ใบ รวมถึงได้รับการติดต่อจากต่างชาติ ทว่า ด้วยการผลิตยังเป็นลักษณะแฮนด์เมด ขณะนี้ยังไม่สามารถทำในปริมาณมากๆ ได้ อย่างไรก็ตาม เตรียมจะเพิ่มกำลังผลิต และออกสินค้าใหม่ต่อไป

“ผมมองเทรนด์คนยุคใหม่หันมาเลี้ยงแมวมากยิ่งขึ้น เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่สังคมคนเมืองจะย้ายไปอยู่ตามคอนโดฯ มากยิ่งขึ้น การเลี้ยงแมวจึงสะดวกกว่าเลี้ยงหมา” เขาระบุ

ติดต่อธุรกิจ โทร. 08-3901-9646, FB: Purrudesign

******************************************************

‘daddy Pet’ เฟอร์นิเจอร์ไม้ใช้ได้ทั้งคนและสัตว์

เนื่องจาก เกดสุดา เมธีวิวัฒน์ และพงศ์ภวัน กฤตพิชญ์นันท์ ทำงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้อยู่แล้ว เวลานั่งทำงาน หมาที่เลี้ยงมักชอบมานั่งนอนซุกอยู่ใต้เก้าอี้ เกิดเป็นคำถามว่า เหตุใดจึงมีพฤติกรรมดังกล่าว เมื่อค้นข้อมูลพบว่า หมามีสัญชาตญาณต้องการความอบอุ่นปลอดภัย เลยกลายเป็นแรงบันดาลใจออกแบบผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ลูกผสมที่ให้คนและสัตว์เลี้ยงใช้ประโยชน์ร่วมกันได้

“เราวางตำแหน่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันเพื่อสัตว์เลี้ยงได้ด้วย ผลงานแรกเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วทำเป็นเก้าอี้จากไม้โอ๊ก ช่วงแรกลูกค้าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร ต้องอธิบายประโยชน์ใช้สอยอยู่นานกว่าจะเข้าใจ โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือคนรักบ้าน ระดับตั้งแต่ B+ ที่มีสัตว์เลี้ยง และต้องการอุปกรณ์เลี้ยงที่ไม่ทำให้ดูแปลกแยกจากบ้าน” เกดสุดาอธิบาย

‘daddy Pet’ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามมาหลากหลาย รวมแล้วกว่า 10 รายการ ราคาตั้งแต่ 3,000-5,800 บาท ทั้งหมดยังอยู่ภายใต้แนวคิดว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดได้ใช้ประโยชน์ได้ด้วย

พงศ์ภวันเสริมว่า ทุกวันนี้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์เลี้ยงเติบโตมาก ตามเทรนด์คนไทยเป็นโสดมากขึ้น และกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ขณะที่ การแข่งขัน นับวันยิ่งเพิ่มขึ้น ทั้งจากในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม โอกาสยังเปิดกว้าง ภายใต้เงื่อนไข คนที่คิดจะทำธุรกิจนี้ควรรักสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริง

“สำหรับผม คิดว่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงเกี่ยวข้องกับอารมณ์ค่อนข้างสูง คนที่อยากทำธุรกิจนี้ สิ่งแรกคือต้องรักจริงๆ และต้องเลี้ยงสัตว์ด้วย เพราะบางอย่างต้องอาศัยประสบการณ์จริง แค่อ่านหนังสือหรือหาข้อมูลมันไม่เพียงพอ” พงศ์ภวันเผย

ติดต่อ โทร. 08-3714-9900, www.daddypetshop.com , FB:daddypetshop , Line ID:daddypet และ IG: daddypet

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *