xs
xsm
sm
md
lg

แชร์กลยุทธ์ “425 Degree” ขายเคสออนไลน์ รุ่งได้ด้วย “วีดีโอ คลิป”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทุกวันนี้ มีหน้าร้านออนไลน์อยู่จำนวนมหาศาล ยิ่งหากเป็นสินค้าหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปแล้ว การจะประสบความสำเร็จขายดีได้ นับเป็นเรื่องยากมากๆ

ทว่า ในรายร้านออนไลน์ “425 Degree” ขายอุปกรณ์ Accessory สำหรับเครื่องใช้ไอที โดยเฉพาะเคสสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต นับเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ ด้วยวิธีนำเสนอสินค้าโดยเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อธิบายข้อมูลอย่างเจาะลึกและจริงใจ พร้อมใช้ “วีดีโอ คลิป” เป็นสื่อเสริมความเชื่อมั่น จนทุกวันนี้กลายเป็น “เพจ เฟซบุ๊ก” ขายสินค้าออนไลน์ที่มียอดกดไลค์เกือบ 1 ล้าน
วิธวินท์ เลิศสาโรจน์ ธนศักย์ เฉลิมกิตติชัย และรุ่งวิทย์ เอื้อวิวัฒน์สกุล (จากซ้ายไปขวา)
วิธวินท์ เลิศสาโรจน์ ธนศักย์ เฉลิมกิตติชัย และรุ่งวิทย์ เอื้อวิวัฒน์สกุล สามเพื่อนซี้ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม เริ่มต้นอาชีพขายสินค้า Accessory สำหรับอุปกรณ์ไอทีบนออนไลน์ ตั้งแต่เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว จากจุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่ชื่นชอบสินค้าประเภทนี้ และเห็นโอกาสที่ในยังไม่มีร้านค้าออนไลน์ใดๆ ที่ให้ข้อมูลสินค้าได้ลึกซึ้งน่าพึงพอใจอย่างต้องการ

“พวกเราสนใจเรื่องอุปกรณ์ไอทีต่างๆ อยู่แล้ว เดิมเวลาจะหาซื้อสินค้าที่ถูกใจได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ขายในหน้าเว็บต่างๆ ก็จะบอกแต่ข้อมูลพื้นฐาน เวลาสั่งไปแล้ว บางครั้งก็ได้สินค้าที่คุณภาพไม่ตรงกับในรูป ทำให้พวกเราอยากจะทำเว็บขายอุปกรณ์ไอที ซึ่งให้ข้อมูลที่พร้อมสมบูรณ์ และลูกค้ามั่นใจได้จริงๆ” วิธวินท์ เป็นตัวแทนเล่าจุดเริ่มต้น

จริงๆ แล้ว การเริ่มต้นอาชีพนี้ของหนุ่มทั้งสาม เป็นวิธีการคล้ายกับคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมากในปัจจุบันที่ฝันอยากขายสินค้าบนออนไลน์

เบื้องต้นคว้ากระเป๋าลงขันกันแค่หลักหมื่นบาท เสาะแสวงหาสินค้าไอทีจากทุกแหล่งทั่วโลกมาขายในหน้าเว็บไซต์ www.425degree.com และแฟนเพจเฟซบุ๊ก www.fecebook.com/425degreeshop โดยสินค้าหลัก คือ เคสสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพราะได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนแหล่งที่มาของสินค้า มีตั้งแต่ย่านเสือป่า นำเข้าจากเมืองจีน ยันไปถึงนำเข้าสินค้าเกรดพรีเมียมคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
หน้าเว็บไซต์
วิธวินท์ ให้ข้อมูลเสริมว่า สินค้าทุกชิ้นก่อนที่จะลงประกาศขาย จะผ่านการใช้งานเองมาก่อน โดยทั้งสามคนจะช่วยกันทดลองใช้ พร้อมหาข้อมูลประกอบ จนแน่ใจว่าเป็นสินค้าที่ผู้ซื้อไปแล้วจะถูกใจในคุณภาพ นอกจากนั้น จะมีการ “รีวิว” สินค้าที่ชัดเจน ลึกซึ้ง ตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด ไม่มีการเขียนเชียร์ให้ดีเด่นเกินจริง โดยอยู่ภายใต้แนวคิดหลักว่า “กำลังนำเสนอสินค้าในมุมที่เพื่อนบอกต่อเพื่อน ไม่ได้ในมุมผู้ขายสินค้าสู่ลูกค้า”

อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้วิธีนำเสนอสินค้าโดยให้ข้อมูลเจาะลึกดังกล่าวแล้ว ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่เนื่องจากในช่วงแรก ลูกค้ายังไม่รู้จัก“425 Degree” มาก่อน รวมถึงสินค้าที่ขาย ผู้ซื้อหาได้จากท้องตลาดทั่วไป อีกทั้ง มีคู่แข่งจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ด้วยกัน กับตามท้องตลาดทั่วไป
หน้าแฟนเพจ
จุดนี้เอง ทำให้หนุ่มไฟแรงทั้งสามเรียนรู้ว่า โลกธุรกิจในความเป็นจริงกับที่คิดฝันไว้ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น พวกเขาย้อนกลับมาเริ่มหารือกัน เพื่อพยายามสร้างแบรนด์ “425 Degree” ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญพยายามให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นที่จะซื้อสินค้า เลยเกิดไอเดียรีวิวสินค้าผ่าน “วีดีโอ คลิป” ซึ่งในเวลาต่อมา กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ธุรกิจติดลมบน

“ช่วงแรกที่เราอยากให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ “425 Degree” มากขึ้น เลยตัดสินใจลงทุนซื้อโฆษณากับทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเราก็พยายามเลือกช่วงเวลาที่คิดว่าลูกค้าเป้าหมายจะเห็นสินค้ามากที่สุด รวมถึงซื้อแบรนด์เนอร์ในเว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนั้น เราเห็นจุดอ่อนของการขายสินค้าบนออนไลน์ว่า ลูกค้าจะเห็นเฉพาะรูปภาพนิ่งกับข้อความ ไม่ได้สัมผัสสินค้าของจริง จึงลดความเชื่อมั่นลงไป”

“ดังนั้น พวกเราจึงคิดทำการรีวิวสินค้าด้วยการอัดเป็น “คลิป วิดีโอ” ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิม คือ รีวิวโดยให้ข้อมูลตามความเป็นจริง อะไรดีก็บอกดี ไม่ดีส่วนไหนก็บอกด้วย แต่ที่เราพยายามเสริม รูปแบบการนำเสนอให้มีความน่าสนใจ สนุกสนาน เช่น รีวิวเคสกันน้ำ เราก็โยนลงน้ำให้เห็นกันไปเลยว่ากันได้จริง เป็นต้น ซึ่งหลังจากมีการีวิวโดยวิดีโอ ทำให้ยอดขายสูงขึ้นกว่าเดิม 7 เท่าตัว ในระยะเวลาแค่ 7 เดือนหลังจากที่เริ่มทำ” วิธวินท์ อธิบาย
มีการรีวิว พร้อมวีดีโอ ประกอบ
ด้วยการยอมลงทุนซื้อโฆษณา พร้อมนำเสนอได้น่าสนใจ เมื่อผู้บริโภคเริ่มกล้าตัดสินใจซื้อ และหลังได้รับสินค้าไปแล้วมีความประทับใจ มักจะช่วยไปแชร์ต่อในโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนปัจจุบันผ่านมาประมาณ 4 แล้ว แฟนเพจ 425 Degree มียอดกดไลค์กว่า 9.93 แสน (นับถึงวันที่ 22 พ.ค.58)

เจ้าของธุรกิจหนุ่ม กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน 425 Degree มีสินค้าที่ขายผ่านออนไลน์กว่า 200-300 รายการ มากกว่า70% จะเป็นประเภทเคสสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เจาะลึกลงไปอีก มักเป็นอุปกรณ์สำหรับแบรนด์ “แอปเปิ้ล” เสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนราคาสินค้าเท่าเทียมกับที่วางขายในท้องตลาด บ่งบอกได้ดีว่า ในความเป็นจริง 425 Degree ไม่ได้ขายสินค้าที่เน้นเรื่องราคาถูกเลย หากแต่ “ขายความน่าเชื่อถือ” ทำหน้าที่เสมือนผู้คัดกรองสินค้าคุณภาพให้แก่ลูกค้า

“ทุกวันนี้ เรามีลูกค้าขาประจำค่อนข้างมาก ซึ่งคนกลุ่มนี้ จะมาใช้บริการเพราะเขาเชื่อใจว่า เราได้คัดสินค้าคุณภาพมาให้เขาแล้ว” เขาระบุ และอธิบายต่อว่า

“ในการทำธุรกิจออนไลน์ที่มีสินค้าขายเหมือนๆ กัน สิ่งสำคัญที่สุด คือ “ข้อมูลฐานลูกค้า” เพราะเมื่อเรามีฐานลูกค้ามากขึ้น สามารถมาต่อยอดได้หลายรูปแบบ เช่น นำเสนอสินค้าใหม่ขายต่อเนื่อง รวมถึง แจ้งข่าวสารความgเคลื่อนไหว ตลอดจนทำโปรโมชั่นต่างๆ นอกจากนั้น ข้อมูลฐานลูกค้ายังสามารถทำให้เราเห็นเทรนด์ความต้องการของตลาด เพื่อจะหาสินค้าใหม่มาขายได้ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากฐานข้อมูลที่เรามีทำให้พอจะจับพฤติกรรมลูกค้าของ 425 Degree ได้ว่า เป็นคนที่ชอบสินค้าคุณภาพ เน้นงานดีไซน์เรียบหรู ใช้ได้ง่าย และใช้ได้ทุกโอกาส” วิธวินท์ เล่าและเสริมต่อ

ในส่วนการทำตลาดผ่านออนไลน์นั้น ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทธุรกิจ และประเภทสินค้าที่ขาย อย่างในกรณีของ 425 Degree เน้นลงโฆษณาเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง แบ่งงบส่วนโฆษณาประมาณ 10% ของรายได้ทั้งหมด โดย 70% จะซื้อโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ค และที่เหลือกระจายตามเว็บไซต์เกี่ยวกับอุปกรณ์ไอทีต่าง

ขณะที่การโพสต์นำเสนอสินค้าจะเจาะจงเวลาประมาณ 20.00-24.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเป้าหมายพบเห็นได้มากที่สุด นอกจากนั้น จะมีทีมงานคอยเฝ้ามอนิเตอร์ตอบคำถามจากลูกค้าตลอดเวลา รวมถึง มีการส่งเมลไปยังลูกค้าโดยตรงเพื่อบอกโปรโมชั่นพิเศษทุกๆ 3 เดือน ซึ่งหน้าที่ทั้งหมด ตั้งแต่รีวิว ทำวิดีโอ แอดมินเว็บ ฯลฯ สมาชิกทั้ง 3 คน ยังรับผิดชอบเป็นหลักด้วยตัวเองเหมือนเมื่อตอนเริ่มต้น

ในตอนท้าย เมื่อถามถึงความยั่งยืนของธุรกิจ วิธวินท์ระบุว่า สำหรับตลาดออนไลน์เชื่อว่าจะยังเติบโตอีกมหาศาลตามเทรนด์ของโลก ขณะที่เรื่องของ “ตัวสินค้า” และ “ช่องทางขาย” ที่ปัจจุบันฮิตผ่านทางโซเชียลมีเดีย อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

อย่างไรก็ตาม ในมุมของผู้ประกอบการ สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือ ฐานลูกค้าที่มีอยู่ในมือ ควบคู่กับความเชื่อถือที่ลูกค้ามีให้ต่อแบรนด์แล้ว อนาคตไม่ว่าสินค้าไอทีจะพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไปทางใด หากสามารถปรับตัวนำเสนอสินค้าใหม่ที่ลูกค้าต้องการได้ทันและเหมาะสม เชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจยังคงยืนหยัดต่อไปได้

“ผมเชื่อว่า รูปแบบสินค้าไอทีมันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ รวมถึง ความนิยมผ่านเฟซบุ๊ก วันหนึ่งต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ผมไม่ได้ยึดติดกับส่วนนี้เลย ผมให้ความสำคัญกับฐานลูกค้าที่เรามีอยู่มากกว่า ในอนาคตไม่ว่าเทรนด์เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปอย่างไร ถ้าเราปรับตัวได้ทัน แล้วมีสินค้าใหม่ที่ลูกค้าต้องการมาเสนอได้เรื่อยๆ ลูกค้าก็จะอยู่กับเราต่อไป” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “425 Degree” กล่าว

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น