สำหรับใครที่ชื่นชอบการกินโจ๊ก เมนูรอบดึก คงไม่มีใครปฏิเสธชื่อเสียงของร้าน “โจ๊กเปิดหม้อ” เพราะความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เนื่องจากได้นำโจ๊กธรรมดา มาปรับแต่งรสชาติให้ออกมาน่ากิน และสร้างทางเลือกใหม่ให้กับคนที่ชื่นชอบเมนูโจ๊ก เริ่มจากน้ำซุป ที่มีให้เลือกถึง 2 แบบ ได้แก่ โจ๊กหมูรสดั้งเดิม และโจ๊กรสต้มยำ
จุดเด่นของโจ๊กเปิดหม้อ ไม่ได้อยู่แค่ ตัวโจ๊ก ทั้ง 2 รสชาติให้เลือกเท่านั้น แต่จุดขายของ ร้านโจ๊กเปิดหม้อ คือ ส่วนผสม หรือเครื่องที่มีให้เลือกแบบไม่อั้น มากกว่า 10 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไข่ไก่ ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า กระดูกอ่อน หมูเด้ง หมูกรอบ ไส้ลวก ไส้ทอด ตับ กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ หมูสับ ไก่ฉีก ปาท่องโก๋กรอบ ขิง เห็ดต่างๆ เป็นต้นนอกจากนี้ สำหรับใครที่ต้องการเมนูพิเศษ ทางร้านได้จัดชุด เมนูโจ๊กต้มยำกุ้งแม่น้ำ และโจ๊กต้มยำกุ้งมังกร ซึ่งเมนูจัดเป็นชุดนั้น ปัจจุบันมีให้เลือกมากกว่า 7 เมนู เป็นอะไรบ้าง คงจะต้องไปชิม และดูรายละเอียดกันที่ร้าน ทุกอย่างจัดเสิร์ฟอยู่ในหม้อดิน ที่ถูกอั้งให้ร้อน เพื่อให้ลูกค้าได้กินโจ๊กที่ร้อนๆ ตั้งแต่คำแรก ไปจนถึงคำสุดท้าย
หลังจากได้บรรยายถึง คุณลักษณะและหน้าตาโจ๊กเปิดหม้อ ให้รู้จักกันไปแล้ว ในเบื้องต้น ตอนนี้ หลายคนคงอยากจะรู้จักเจ้าของกันแล้ว ซึ่งเจ้าของไอเดียดังกล่าว เป็นคนรุ่นใหม่ ได้แก่ "สุทธิดา สุวรรณเจริญ" "วิภาภรณ์ เรือนไทสง" และ "ยุทธพล ถวารธรรม์เจริญ" ทั้ง 3 คน เปิดร้านแห่งนี้ เพียงแค่คิดว่า ต้องการจะมีรายได้เสริม จากการทำงานประจำ และทุกคนมองว่า ถ้าจะเริ่มทำธุรกิจ ก็คงจะต้องเริ่มกันตั้งแต่อายุน้อย เพราะถ้าไปเริ่มตอนอายุมาก เกิดพลาด ก็จะปรับตัวลำบาก แต่ถ้าเริ่มต้นตอนนี้ ถ้าพลาดก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้
สำหรับ "สุทธิดา" ทำงานประจำเป็นพนักงานดูแลด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้กับนักแสดง เงินเดือนหลายหมื่นบาท ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ยุทธพล ทำงานด้านออกแบบภายใน ทำงานประจำเช่นกัน และวิภาภรณ์ รับหน้าที่เป็นแม่ครัว คอยดูแลเรื่องเมนู และรสชาติของอาหาร ทุกคนก็จะมีงานประจำ และใช้เวลาช่วงเย็น มาทำร้านแห่งนี้
ในช่วงแรก ชุทธิดาเป็นตัวแทนบอกเล่าว่า รายได้ไม่พอจ่ายค่าเช่า ร้านเลย แต่หลังจากเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น จากการแนะนำผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และความแปลกใหม่ ของเมนูโจ๊กที่ไม่เหมือนใคร ทำให้มีสื่อต่างๆให้ความสนใจ ตรงนี้เองทำให้ร้าน โจ๊กเปิดหม้อ ของทั้ง 3 คน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีคนเข้ามากินมากขึ้นเรื่อยๆ จนรายได้ต่อเดือน มากกว่างานประจำเสียอีก
สุทธิดา เล่าว่า ที่เลือกเปิดร้านโจ๊ก มาจาก เราทั้ง 3 คน ชื่นชอบการกินโจ๊ก โดยเฉพาะการกินโจ๊กรอบดึก หลังจากไปท่องราตรีกลับมาแล้ว ก็เลยสนองความต้องการของตัวเอง โดยร่วมลงขันกันเปิดร้านโจ๊ก รอบดึก เพื่อหวังขายคนที่เทียวกลางคืน หรือ คนที่ชื่นชอบการกินโจ๊กในมื้อค่ำ
่สำหรับที่มาของไอเดียโจ๊กเปิดหม้อ มาจากการลองผิดลองถูก เกิดจากความต้องการอยากลองกินเมนูโจ๊กในแบบใหม่ ที่ไม่เหมือนใคร การคิดทำอะไรสักอย่าง มันก็จะต้องไม่เหมือนใคร เพราะถ้าทำเหมือนคนอื่นๆ ก็คงจะขายแข่งกับคนอื่นยาก ก็เลยลองคิดสูตรโจ๊กในหลายๆ แบบออกมา อย่างที่เราต้องการจะกิน หรือ รวมถึงการเลือกใส่ในภาชนะหม้อดิน ส่วนหนึ่งก็ไม่เหมือนกัน แต่เหตุผลสำคัญ คือ เราคนที่ชื่นชอบการกินโจ๊กที่มันต้องร้อน ตลอดถึงจะอร่อย ก็เลือกหม้อดิน เพราะหม้อดิน สามารถนำไปอั้งไฟ ให้ร้อน ตรงนี้ ทำให้ลูกค้าได้กินโจ๊กที่ร้อน ตั้งแต่คำแรกไปจนถึงคำสุดท้ายได้
ส่วนเมนูของโจ๊ก ช่วยกันคิด และลองผิดลองถูกอยู่ได้ระยะหนึ่ง เพราะต้องยอมรับว่า สิ่งที่พวกเราคิด เป็นสิ่งใหม่ ดังนั้น การให้ลูกค้ายอมรับในช่วงแรก เป็นเรื่องยาก เพราะในช่วงแรก ยอดขายเราค่อนข้างแย่มาก ช่วงเปิด 1-2 เดือนแรก ก็ขาดทุนตลอด แต่พอเข้าเดือนที่ 3-4 คนเริ่มรู้จักมากขึ้น เพราะสื่อต่างๆ ที่มาถ่ายทำไปออก ช่วยดันยอดขายของเราเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน สาขาพุทธมณฑล สาย 1 มียอดขายถึงวันละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท หลังจากประสบความสำเร็จในสาขา 1 ปัจจุบัน เปิดสาขา 2 ถนนลาดพร้าว 71 แยกโรงไม้ ซอยสตรีวิทยา 2
สุทธิดา เล่าถึง สาขาที่ 2 ว่า จุดมุ่งหมาย มองว่า เป็นการขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น เพราะ ในสาขาแรก จะได้คนในย่านฝั่งธน แต่สาขาที่ 2 ต้องการกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่อยู่ในเมืองมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงาน และ มองว่า เป็นย่านที่มีสถานบันเทิง และออฟฟิศสำนักงาน เปิดอยู่ในย่านนี้ค่อนข้างมาก แต่พอมาเปิดจริง กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด จากเดิมที่เราเข้าใจว่า คนน่าจะรู้จักโจ๊กเปิดหม้อจากสาขาแรก หรือ ผ่านสื่อๆ ต่างๆ แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ เพราะคนในย่านนี้ ยังรู้จักเราไม่มาก อย่างที่คิด ซึ่งก็คงต้องใช้เวลา ส่วนยอดขายตอนนี้ ประมาณวันละ 6,000 -7,000 บาท แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นไม่ถึง 2 เดือน เรา ก็พอใจระดับหนึ่ง แต่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ คือ ต้องขายให้ได้ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท
ส่วนราคาของโจ๊กเปิดหม้อที่จัดเป็นชุด ราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท ชุดเห็ด (มังสวิรัติ) 69 บาท (ชุดหมู) 89 บาท (ชุดประมง) ส่วนเมนูแพงสุดก็คงเป็นเมนูต้มยำกุ้งมังกร ราคา 250 บาท และต้มยำกุ้งแม่น้ำ ราคาอยู่ที่ 159 บาท สำหรับราคาเครื่องคิด อย่างละ 15-30 บาท และโจ๊กเปล่าชามละ 15 บาท
โทร. 08-3130-3777 ,www.facebook.com/โจ๊กเปิดหม้อ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *