xs
xsm
sm
md
lg

“จักรมณฑ์” ชู 3 ยุทธศาสตร์ ปลุกค่านิยมพัฒนาอุตฯ ไทยโปร่งใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
รมต.อุตสาหกรรมเผยกลยุทธ์พัฒนาอุตสาหกรรมไทย เน้นทำธุรกิจโปร่งใส ปลุกค่านิยมใหม่พัฒนาอุตสาหกรรมประเทศ ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์ มั่นใจพัฒนาอุตสาหกรรมไทยเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย พัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับนานาประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่จะส่งผลต่อการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ควบคู่กับการสร้างรากฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเน้นย้ำให้ทำงานด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และถูกต้องยั่งยืน ผ่านการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่

1. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน อันได้แก่

· ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพพื้นฐานของประเทศและพัฒนาสู่พลังงานทดแทน เช่น ส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป โดยการพัฒนาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

· เข้มงวดและเร่งรัดการควบคุมมลพิษของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยไม่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อสังคมและชุมชน

· พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่มีศักยภาพสูงในการรองรับการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม และการขยายตัวของตลาดสินค้าอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเพื่อนบ้านรอบอาเซียน โดยระยะแรกให้ความสำคัญด่านชายแดนที่สำคัญ 6 ด่าน ได้แก่ ปาดังเบซาร์ สะเดา อรัญประเทศ แม่สอด บ้านคลองลึก และบ้านคลองใหญ่

· เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มองค์ความรู้ในด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต

· ส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน โดยเร่งดำเนินการเตรียมความพร้อม การค้า การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน

· พัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยทุกระดับ โดยสอดคล้องกับข้อตกลงในการเคลื่อนย้ายในด้านสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ และปัจจัยการผลิตต่างๆ ที่เปิดเสรีมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยให้สามารถแข่งขันได้

· พัฒนาแรงงานภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยให้มีการยกระดับฝีมือแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น มีการส่งเสริมพัฒนาระบบการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเพื่อใช้ในการประเมินค่าจ้างแรงงาน

2. ด้านปฏิรูปการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ก่อให้เกิดความคล่องตัว และรวดเร็วในการดำเนินงาน จึงได้มีนโยบาย ดังนี้

· เร่งผลักดันให้มีการปรับปรุง แก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อการประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการอนุญาตการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม การขออนุญาตทำเหมืองแร่ การออกใบอนุญาตและการอนุญาตตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นต้น

· เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการเชิงรุก ทั้งในรูปแบบการเพิ่มศูนย์รับการออกใบอนุญาตต่างๆ ภายใต้การกำกับของกระทรวงฯ โดยไม่ต้องเดินทางเข้ามายังส่วนกลาง การให้บริการถึงตัวบุคคลผ่านระบบศูนย์บริการร่วม ณ จุดเดียว (One Stop Service) และระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบ

· เปลี่ยนจาก Pre Audit เป็น Post Audit ซึ่งจะอำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการในการรับใบอนุญาต และต้องเคร่งครัดกับมาตรการกำกับ (Post Audit) ทุกขั้นตอนและกระบวนการเป็นไปตามกฎหมาย

· ปรับทัศนคติการทำงานใหม่ของเจ้าหน้าที่ จากการให้ความสำคัญในเรื่องการกำกับ ควบคุม เป็นการให้คำปรึกษา แนะนำ รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาและเสริมสร้างให้เจ้าหน้าที่มีจิตสาธารณะที่ดีต่อการปฏิบัติงานด้วย

· แนวทางการทำงาน ขอให้มีการประสานและบูรณาการการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด และมีการสร้างเครือข่าย และสนับสนุนเครือข่ายให้ช่วยสอดส่อง เฝ้าระวังในเรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกระบวนการผลิตร่วมกัน

3. สร้างความสามัคคีในองค์กรและสร้างค่านิยมใหม่ เนื่องจากบุคลากรเป็นทรัพยากรที่สำคัญและเป็นกลไกและพลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกระทรงอุตสาหกรรมไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้นจึงได้มีนโยบายเพื่อการปลูกฝังค่านิยม และสร้างระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในกระทรวงอุตสาหกรรม

· สร้างระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งและโยกย้ายเจ้าหน้าที่ กำหนดมาตรการป้องกันการแทรกแซงจากนักการเมือง และส่งเสริมให้มีการนำระบบพิทักษ์คุณธรรมมาใช้ในการบริหารงานบุคคลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ

· ปลูกฝังค่านิยม และจิตสำนึกในการรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ โดยต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตในทุกระดับ

· สร้างระบบทางก้าวหน้าให้แก่ข้าราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างเป็นธรรม โดยยึดในเรื่องของความรู้ความสามารถในการปฏิบัติภารกิจเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญต่อการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของบุคลากร โดยการส่งเสริมพัฒนาทักษะเจ้าหน้าที่ทุกระดับให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC เพื่อให้คำปรึกษา และแนะนำแก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญต้องปลูกฝังให้บุคลากรมีความซื่อสัตย์สุจริต และโปร่งใสในหน้าที่การงาน เพราะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น