นายกฯ ย้ำให้ความสำคัญแก่เอสเอ็มอีอย่างมาก ชวนผปก.ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ ระบุอย่ากลัวต้องเสียภาษี ชี้จ่ายไม่มาก แต่จะช่วยให้เข้าถึงบริการส่งเสริมจากภาครัฐ มองเป้าเกิดหน้าใหม่ 5 หมื่นรายยังน้อยเกินไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ช่วงหนึ่ง ว่า การส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี มีการประชุมหลายครั้งที่ผ่านมา และได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน จะส่งเสริมกันอย่างไร
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการบางคนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นเอสเอ็มอีหรือไม่ ดังนั้น ท่านต้องไปศึกษาว่า กิจการของท่านแบบนี้เป็นเอสเอ็มอีหรือไม่ ซึ่งมีหลายประเภทด้วยกัน ไมว่าจะเป็นเรื่องเกษตรกรรม เรื่องท่องเที่ยว การบริการ อุตสาหกรรม เป็นต้น ท่านต้องไปดูว่ากิจการของท่านอยู่ในกลุ่มไหน แล้วขอไปลงทะเบียนสมัครในหน่วยงานที่ส่งเสริมเอสเอ็มอี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการบางราย ไม่อยากมาสมัครขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอีเพื่อรับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะกลัวจะเสียภาษี อย่างนี้ไม่ได้ อยากขอให้มาสมัคร เพราะเสียภาษีไม่ได้มากมายอะไร เพื่อที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ส่งเสริมท่านได้
"ถ้าท่านไม่สมัครเป็นสมาชิก แล้วท่านจะมาให้รัฐช่วยตรงไหนได้อย่างไร ไม่มีช่องทาง ไปสมัครให้ครบ วันนี้ก็ต้องการให้สมัครเพิ่มอีก วันนี้เอสเอ็มอีมีจำนวนถึง 2 ล้านกว่าราย ส่วนใหญ่ยังไม่ได้จดทะเบียน ยังไม่ขึ้นบัญชี ท่านไปขึ้นเถอะครับ จะได้มีการพัฒนาตนเอง ผมบอกแล้วว่า ถ้าทุกคนไม่เข้าสู่ระบบภาษี มันไปไหนไม่ได้ ประเทศไทยไปไม่ได้ เงินส่วนหนึ่งเก็บภาษีมาจากคนมีรายได้มาก รายได้ปานกลาง ต้องมาเลี้ยงคนจนปริมาณมากๆ นี้มันไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นธุรกิจขนาดใหญ่รายได้มาก ก็ต้องเสียมาก ระดับกลางเสียกลาง ได้น้อยเสียน้อย ตามสัดส่วนที่เหมาะสม" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ ในเรื่องการพัฒนา ตั้งแต่ก่อตั้งมา ตั้งแต่ขยายกิจการอย่างไร ท่านจะเติบโตอย่างไร ภาครัฐต้องการให้เอสเอ็มอีเติบโตจากเล็กไปกลาง กลางไปใหญ่ ที่ผ่านมาไปไม่ได้ เล็กก็คือเล็ก กลางก็คือกลาง ใหญ่ก็คือใหญ่ อยู่แค่นี้ ถ้าท่านทำให้เป็นระบบของท่าน รวมกลุ่มกันให้ได้ แล้วเสนอช่องทางมารัฐก็จะเชื่อมต่อให้ท่าน หางบประมาณมาเป็นกองทุนให้ท่าน หรือให้สิทธิประโยชน์อะไรก็ได้ เรายังให้ที่อื่นได้เลย เอสเอ็มอีมีความสำคัญ เพราะเป็นกลไกหลักของประเทศ ทั้งในเรื่องของการจ้างงาน
ส่วนเรื่องที่จะไปส่งเสริมธุรกิจขนาดใหญ่เป็นเครือข่าย เป้าหมายที่ต้องการจะเพิ่มสัดส่วน GDP ของ SMEs ให้ได้ 38% เพิ่มการจดทะเบียนนิติบุคคลเอสเอ็มอีขึ้นอีก 5 หมื่นราย ส่วนตัวอยากให้มากกว่านี้ ถ้าได้มากกว่า 5 หมื่น ผมดีใจมากเลย ประเทศชาติจะได้ไปได้ ดังนั้น เอสเอ็มอีอย่ากลัวเรื่องภาษี ฉะนั้นเราต้องกำหนดแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายจะส่งเสริมปี 25 58 -2559 เป็นอะไรบ้าง เช่น กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง high growth 11 กลุ่มสาขาธุรกิจ เช่น ก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม บริการด้านการศึกษา การเกษตร ขนส่ง โลจิสติกส์ ท่องเที่ยว บริการด้านสุขภาพ ประเทศไทยเป็นที่นิยมมาก ด้านสมุนไพรเครื่องสำอาง ด้านเทคโนโลยี ด้านพลังงาน
และกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย high impact ได้แก่ เครื่องจักรกล อุตสาหกรรมอาหาร ยาง ผลิตภัณฑ์ยาง บรรจุภัณฑ์ สิ่งทอ อัญมณี ค้าปลีก เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อวางรากฐานสำคัญให้กับเศรษฐกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมให้ไปสู่อนาคตต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
