หลังจากที่ทีมงาน ‘SMEsผู้จัดการออนไลน์’ เคยนำเสนอไอเดียธุรกิจของ “เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery”มาแล้ว ในฐานะผู้บุกเบิกอาหารทะเลส่งตรงแบบดีลิเวอรี (Delivery) จากฟาร์มเลี้ยงสู่ลูกค้าชาวเมืองกรุง และทั่วประเทศโดยตรง อาศัยช่องทางสังคมออนไลน์ในการทำตลาดและสื่อสารกับลูกค้า จนสร้างชื่อเสียงโดดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้ว
โอกาสนี้ “สุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ” หรือ คุณ “โอ๋” เจ้าของธุรกิจ ได้มาเผยกลยุทธ์ที่ใช้ในการทำตลาดผ่านสังคมออนไลน์ ที่ทำให้ ปัจจุบันธุรกิจ “เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery” มียอดขายกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน
คุณโอ๋เล่าว่า เริ่มใช้ช่องทางสังคมออนไลน์ในการขายอาหารทะเลเมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งในเวลานั้นยังไม่มีใครคิดทำธุรกิจลักษณะนี้เลย จนกลายเป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกอาหารทะเลผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook) ก่อนจะขยายไปสู่สังคมออนไลน์ยอดฮิตอื่นๆ อย่าง “อินสตาแกรม” และ “ไลน์” ในเวลาต่อมา
“ก่อนหน้านี้เราพยายามค้นหากลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมกับแบรนด์ โดยใช้วิธีดั้งเดิมอย่างการแจกใบปลิวเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนักและมีต้นทุนการผลิตที่สูง เลยลองหันทำตลาดผ่านเฟซบุ๊ก ด้วยการทำอาหารเมนูต่างๆ แล้วถ่ายรูปแล้วโพสต์บนเฟซบุ๊ก จากนั้นเกิดกระแสลูกค้าช่วยแชร์ต่ออย่างรวดเร็วมาก มีลูกค้าเริ่มสั่งอาหารเข้ามาเรื่อยๆ ยอดไลก์ก็เพิ่มแบบก้าวกระโดด ทำให้ได้ลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสาย” ผู้บุกเบิกอาหารทะเลออนไลน์เล่าการทำตลาดเบื้องต้น
เธอระบุว่า สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์ของ “เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery” มีอยู่ 3 ข้อ ได้แก่ 1. การเพิ่มการรู้จักแบรนด์ 2. การเพิ่มยอดขายให้ได้สูงสุด และ 3. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ในด้านการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขยายฐานลูกค้า “เจคิว ปูม้านึ่งฯ” ใช้การโฆษณาการถูกใจหน้าบนเฟซบุ๊ก (Page Like ads) โดยประมูลโฆษณาด้วยตนเองและเลือกบริเวณโฆษณาที่ผู้รับชมสามารถกดไลก์เพจได้ทันทีบนคอลัมน์ด้านขวาของเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นบริเวณที่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์จะเห็นโฆษณาได้เด่นชัดที่สุด
นอกจากนั้น อีกกลยุทธ์ที่ใช้แล้วได้ผลอย่างดียิ่ง คือ การทำกิจกรรมโปรโมชันกับลูกค้าในแฟนเพจ ช่วยทั้งสร้างสัมพันธ์และดึงดูดลูกค้า รวมถึงยังเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนไปในตัวด้วย เช่น กิจกรรมแจกตุ๊กตาเฟอร์บี้ให้แก่ลูกค้าที่กดไลก์และแชร์ หรือแจกแพกเกจไปเที่ยวประเทศเกาหลี ซึ่งล้วนแต่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย
เธอเสริมในการทำโปรโมชันว่า ควรจะให้รางวัลที่โดนใจลูกค้า เป็นรางวัลที่น่าสนใจ ช่วยดึงดูดให้ลูกค้ากลับเข้ามาในเพจอย่างสม่ำเสมอ และสร้างลูกค้าขาประจำที่มีความมั่นใจต่อแบรนด์
สำหรับวิธีการค้าขายบนโลกออนไลน์นั้น ในแต่ละวันเธอจะเริ่มเปิดร้านออนไลน์เวลา 10.00 น. ดังนั้น เวลาประมาณ 09.30 น.จะเริ่มโพสต์ภาพเมนูอาหารที่จะขายในวันนั้นๆ เพื่อให้หลังเปิดร้านแล้วลูกค้าสั่งได้ทันที โดยลูกค้าสามารถ่ใช้วิธีการโทรศัพท์เข้ามาสั่ง หรือส่งข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไลน์ หรืออินสตาแกรม ได้ทุกช่องทาง นอกจากนี้ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์และสร้างความสนใจแก่ลูกค้าตลอดทั้งวัน ต้องโพสต์รูปอาหารทะเลของร้านทุกๆ ชั่วโมง
คุณโอ๋ได้แบ่งปันเคล็ดลับเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาไพรม์ไทม์หรือเวลาที่ลูกค้าจะเห็นโพสต์ของร้านมากที่สุดคือ “เวลา 20.00 น.” แต่การบูสต์โพสต์ (Boost Post) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจดีลิเวอรีคือช่วงเวลา 10.00-18.00 น. เนื่องจากการบูสต์โพสต์ในช่วงที่มีทราฟฟิกสูงสุดจะไม่มีประโยชน์หากลูกค้าไม่สามารถสั่งอาหารได้เพราะเลยเวลาทำการของร้านไปแล้ว ดังนั้นเจคิว ปูม้านึ่งฯ จึงเลือกที่จะโพสต์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายในช่วงเวลา 20.00 น. โดยเน้นเนื้อหาที่ “แบรนด์อยากให้ลูกค้ารับทราบ” แทนการเน้นการขายสินค้า
ส่วนวิธีการบริหารธุรกิจให้สามารถบริการส่งสินค้าให้ถึงผู้สั่งได้ทั่วถึงและเร็วรวด ได้แบ่งพนักงานออกเป็นหลายส่วน ตั้งแต่แผนกออฟฟิศ ดูแลเรื่องการรับสายลูกค้าและตอบคำถามแฟนเพจ แผนกครัวกลางทำหน้าที่ดูแลวัตถุดิบและคัดสรรวัตถุดิบเพื่อกระจายส่งไปยังสาขา ซึ่งเป็นจุดประกอบอาหารทั้ง 8 แห่งทั่วกรุงเทพฯ จากนั้น แผนกครัวประจำแต่ละสาขา จะทำหน้าที่ประกอบอาหารตามออเดอร์ลูกค้า
ส่วนรูปแบบการส่งอาหาร ถ้าลูกค้าอยู่ในกรุงเทพฯ จะส่งด้วยมอเตอร์ไซค์ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงหลังจากสั่งอาหาร คิดค่าส่งราวๆ 30-120 บาท ส่วนลูกค้าต่างจังหวัดถ้าอยู่ในระยะการเดินทางประมาณ 1-3 ชั่วโมงจะส่งผ่านรถทัวร์หรือรถตู้โดยสารสาธารณะ แต่ถ้าหากอยู่ไกลจะส่งผ่านเครื่องบินไปยังสนามบินที่อยู่ใกล้ลูกค้ามากที่สุดแต่ลูกค้าต้องมารับอาหารที่สนามบินเอง คิดค่าส่งและค่าบริการตามจริง เช่น สายการบินนกแอร์คิดค่าส่งกิโลกรัมละ 18 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ถ้าหากลูกค้าอยู่ในเส้นทางเดียวกันสามารถแชร์ค่าส่งร่วมกันได้
ในระยะแรกของการดำเนินธุรกิจ เจคิว ปูม้านึ่งฯ ตั้งเป้าไปที่ลูกค้าที่อาศัยในกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่หลังจากได้รับความสนใจจากลูกค้าตามต่างจังหวัดมากขึ้น จึงใช้ฟีเจอร์โฆษณาแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเฟซบุ๊กเพื่อขยายธุรกิจไปยังจังหวัดใกล้เคียง
“กลุ่มเป้าหมายของเราคือผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ โดยจะเน้นไปที่ผู้ที่อาศัยอยู่ในรัศมี 30 กม.นอกเขตกรุงเทพมหานคร” คุณโอ๋อธิบาย “หลังจากที่เราใช้การโฆษณาแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเฟซบุ๊ก เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะ เราได้รับยอดขายจากต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10” เจ้าของแบรนด์เจคิว ปูม้านึ่งฯ กล่าวเสริม
นอกจากนี้ เธอกล่าวถึงการทำตลาดโดยใช้เฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเว็บไซต์สังคมออนไลน์อันดับหนึ่ง ผู้ทำตลาดควรต้องนำข้อมูลมาประเมินผล และนำไปปรับปรุงการทำตลาดออนไลน์ของตัวเองด้วย
“เรามักจะใช้ข้อมูลเชิงลึกของเพจ (Page Insights) เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจะโปรโมตโพสต์ใด ถ้าเฟซบุ๊กแจ้งว่ามีโพสต์ที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เราจะบูสต์โพสต์ดังกล่าว” คุณสุรีรัตน์กล่าวถึงเทคนิคในการบูสต์โพสต์ “เมื่อผ่านไประยะหนึ่งเราจะเห็นรูปแบบของโพสต์ที่มักจะได้รับความสนใจมากที่สุด ทำให้เราสามารถปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับรูปแบบดังกล่าวเพื่อให้โพสต์ต่อๆ ไปของเราน่าสนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น เรายังใช้ข้อมูลเชิงลึกของเพจในการติดตามกิจกรรมต่างๆ ของคู่แข่ง ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถเปรียบเทียบการโฆษณาของคู่แข่ง ยอดไลก์และแชร์ที่คู่แข่งได้รับ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาทดลองและปรับใช้กับกลยุทธ์ด้านเนื้อหาของแบรนด์อีกด้วย” สุรีรัตน์กล่าว
ปัจจุบัน เจคิว ปูม้านึ่งฯ มียอดกดไลก์ในแฟนเพจสูงถึง 3.4 แสนไลก์ และมียอดขายจากการค้าขายบนโลกออนไลน์ เมนูปูม้านึ่งประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อวัน สร้างยอดขายประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน ฟังแล้วเป็นตัวเลขที่สูงมาก เชิญชวนให้มาทำตลาดผ่านออนไลน์ ทว่า เจ้าของธุรกิจไม่ลืมที่จะเตือนผู้สนใจจะทำตลาดผ่านช่องทางนี้ ต้องระวังเรื่องการรักษาชื่อเสียง เพราะในโลกออนไลน์สามารถจะทำให้ธุรกิจแจ้งเกิดหรือดับได้ในเวลารวดเร็ว
“โลกโซเชียลทำให้ลูกค้ารู้จักเราและเป็นช่องทางที่ทำให้เราเติบโต แต่เราต้องระลึกอยู่ตลอดเวลาว่าการทำธุรกิจด้วยช่องทางนี้เราต้องจริงใจเท่านั้นธุรกิจถึงจะอยู่รอด เพราะบางมุมเฟซบุ๊กก็กลายเป็นช่องทางเสพข่าวร้ายซึ่งก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นเรายึดหลักในการทำธุรกิจที่ว่า ชื่อเสียงสร้างยากกว่ากำไร” คุณโอ๋กล่าว
สำหรับเป้าหมายของเจคิว ปูม้านึ่งฯ ในส่วนการตลาดผ่านเฟซบุ๊กจะเพิ่มยอดไลก์ของแฟนเพจให้ครบ 1 ล้านไลก์ ส่วนยอดขาย ให้เพิ่มรวมถึงปีละ 150 ล้านบาท โดยเพิ่มยอดขายจากลูกค้าต่างจังหวัดอีกร้อยละ 10 และยอดขายจากบริการจัดเลี้ยงเพิ่มอีกร้อยละ 20 รวมถึงขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขาในปีนี้อีกด้วย
คลิกอ่านเรื่อง=>>>ปาร์ตี้อาหารทะเลเสิร์ฟถึงบ้าน “เจคิว ปูม้านึ่ง” ธุรกิจมัดใจคนเมือง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *