วันนี้ถ้าจะพูดถึง “มะมาเฮิร์บ” สมุนไพรธรรมชาติ คงจะไม่มีใครปฏิเสธถึงชื่อเสียงที่ดังกระหึ่ม ส่วนหนึ่งมาจากกระแสของคนรักษ์สุขภาพ ที่มีเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับทุกคนทั่วโลกประสบปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผม และผมหงอกก่อนวัย และทางออกของปัญหาคือ ต้องพึ่งพาสารเคมี ด้วยเหตุนี้เอง “มะมาเฮิร์บ” กลายเป็นตัวเลือก ปราศจากการใช้สารเคมีอันตราย
ทั้งนี้ ปัญหาผมร่วง และผมหงอกขาวของคนในยุคปัจจุบัน ปัญหาหลักมาจากการใช้สารเคมีที่เกิดจากการสระผม การใช้ครีมนวดผม โกรก ดัด ย้อม และอีกมากมาย เป็นต้นเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ดังนั้น การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีได้น่าจะเป็นทางออกช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ซึ่งปัจจุบันดูเหมือนทุกคนจะตกเป็นทาสของผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ทำให้หันมาใช้สารเคมีกับเส้นผมมากขึ้น และทั้งหมดก็เป็นที่มาของการหาทางออกของ “มะมาเฮิร์บ 99” ในวันนี้
อาจารย์ฉันทมน พูลนิล เจ้าของมะมาเฮิร์บ เล่าถึงที่มาของมะมาเฮิร์บว่า เกิดขึ้นมาจากตัวเองประสบปัญหาในเรื่องของเส้นผมที่หงอกขาวไปทั่วศีรษะ ตั้งแต่อายุเพียง 30 ปี และทางออกคือการโกรกผมด้วยสารเคมีเป็นประจำ และบ่อยมาก จนมีผลต่อระบบสายตา ไปหาคุณหมอ แนะนำให้หยุดโกรกผม ขณะเดียวกัน อาจารย์คิดหาวิธีทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาเรื่องผมหงอกได้
“หลังจากพยายามหาทางแก้ปัญหาเรื่องผมหงอก ซึ่งใครว่าสมุนไพรอะไรดีก็นำมาทดลองหมด สุดท้ายได้มารู้จักผู้รู้ท่านหนึ่ง แนะนำสมุนไพรที่ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ และเราก็ไปทดลอง และส่วนหนึ่งได้สอบถามญาติๆ และพ่อ แม่ในต่างจังหวัด สูตรไหนที่คิดว่าดี ได้นำสูตรนั้นมา เริ่มจากตัวเองก่อน พอเห็นว่าได้ผลเราก็ชักชวนคนรู้จักที่มีปัญหาให้ได้ทดลองใช้ แต่ต้องเข้าใจว่าเราเป็นสมุนไพรธรรมชาติ ต้องใช้เวลา คนที่จะทำกับเราก็ต้องเข้าใจตรงกันถึงข้อปฏิบัติที่แนะนำด้วย”
อาจารย์ฉันทมนบอกกับเราว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำประชาสัมพันธ์อะไร ทุกอย่างเกิดจากการบอกกันแบบปากต่อปาก และแพร่กระจายในกลุ่มคนรู้จักก่อน ปัจจุบัน อาจารย์เปิดร้าน และรับลูกค้าวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 คน และมีสาขาจากคนที่สนใจเปิดแฟรนไชส์ถึง 99 สาขา ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ที่อาจารย์หันมาบุกเบิกอย่างจริงจัง
สำหรับอาจารย์ฉันทมนเองได้เริ่มศึกษาและทดลองใช้สมุนไพรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 แต่เริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมมากก็ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่แค่ลูกค้าในประเทศ ปัจจุบัน “มะมา” เตรียมขยายตลาดในต่างประเทศด้วย โดยที่เปิดไปแล้วที่ประเทศเยอรมนี ลูกศิษย์ของอาจารย์ไปทำการตลาด และเปิดเอง นอกจากนี้ ที่กำลังจะไปเปิดอีกก็มีที่ประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม พม่า รวมไปถึงประเทศแถบยุโรป ซึ่งฝ่ายต่างประเทศ กำลังดูอยู่ เพราะมีคนสนใจหลายประเทศ อาทิ แคนาดา
อาจารย์ฉันทมนเล่าว่า ที่ผ่านมาลูกค้าไม่ได้มีแต่ผู้ใหญ่ เพราะคนมักจะมองว่าปัญหาผมร่วงและผมหงอกจะเกิดขึ้นตามวัย แต่ในความเป็นจริงควรที่จะป้องกันตั้งแต่อายุน้อย ดังนั้น พ่อ แม่ ผู้ปกครองควรที่จะได้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในการดูแลเส้นผมและผิวพรรณเด็กตั้งแต่ยังเล็ก เพราะการมาแก้ปัญหาภายหลังไม่ใช่เรื่องง่าย ใช้เวลานานพอสมควร บางคนก็เป็นเดือน ในขณะที่บางคนก็อาจจะเป็นปีและหลายปี
สาเหตุที่ต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลานาน เนื่องจากสิ่งที่มะมาใช้คือสมุนไพร 100% อันประกอบไปด้วย ประคำดีควาย มะขามป้อม ต้นเฮนนา ชะเอม ฯลฯ ซึ่งสูตรเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนโบร่ำโบราณใช้กันอยู่แล้ว เพียงแต่นำมาปรับ ทำเป็นสารสกัดเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีขึ้นและง่ายต่อการนำมาใช้
สำหรับการเข้ามาใช้บริการของมะมา อาจารย์ฉันทมนบอกว่า มีข้อปฏิบัติที่ทำเหมือนกัน คือ การไม่สระผมเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นแนะนำว่า ควรที่จะต้องหมักผมติดต่อกัน 4 สัปดาห์ หลังจากนั้นเดือนละ 1 ครั้ง 2 ครั้ง หรือน้อยกว่านี้ก็ได้ ส่วนอัตราการให้บริการ คิดค่าหมักผมอยู่ที่ครั้งละ 450 บาท ในส่วนของแฟรนไชส์ ตอนนี้เปิดครบ 99 สาขาแล้ว คงจะหยุดพักการขยายสาขาในประเทศไทยไว้ก่อน เพราะเป็นไปตามเป้าที่เราวางไว้คือ 99 สาขา ตอนนี้มุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศ เพราะมีคนสนใจมากเช่นกัน
โทร. 08-9072-8888
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *