xs
xsm
sm
md
lg

เพาะต้นอ่อนเมล็ดทานตะวันขาย ต้นทุนต่ำ ทำง่าย รายได้ดี (มุมเกษตร)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ต้นอ่อนในตะกร้าพร้อมตัดจำหน่าย
เก็บมาฝาก สำหรับคนรักษ์สุขภาพ กับการเพาะต้นอ่อนเมล็ดทานตะวัน พอถึงวันนี้ คงไม่ต้องอธิบายกันมาก สำหรับต้นอ่อนเมล็ดทานตะวัน เพราะหลายคงจะได้รู้จักกันดี ถึงคุณค่าทางอาหาร และรสชาติ เพราะกระแสเขามาแรงจริง

ทั้งนี้ คนที่เพิ่งจะมารู้จักกับต้นอ่อนเมล็ดทานตะวัน มีข้อมูลมาฝากเบื้องต้น คือ ต้นอ่อนเมล็ดทานตะวัน มีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะมีโปรตีนสูงกว่าถั่วเหลือง มีวิตามินอีสูง ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ ช่วยชะลอความแก่ มีธาตุเหล็ก วิตามินบี 1 บี6 และโอเมก้า 9 ช่วยบำรุงสมอง

พอเห็นถึงคุณค่าทางโภชนาการแล้ว หลายคนคง อยากจะรู้จัก ต้นอ่อนเมล็ดทานตะวันกันแล้ว ว่า เอามาทำอะไรได้บ้าง และจะมีวิธีการเพาะต้นอ่อนเมล็ดทานตะวันกันอย่างไร วันนี้ มีวิธีการเพาะต้นอ่อนเมล็ดทานตะวัน และประสบการณ์จากผู้เพาะต้นอ่อนเมล็ดทานตะวันจำหนายมาฝาก เพื่อใครสนใจอยากลองทำเป็นอาชีพดู ขอบอกทำง่ายรายได้น่าสนใจทีเดียว
เริ่มงอก
เพาะต้นอ่อนเพื่อจำหน่าย

กลุ่มลูกค้า : มีร้านอาหารทั่วไป ซุปเปอร์มาร์เก็ต และตลาดนัด ปัจจุบันลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต และโซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่าง facebook หรือ อินสตาแกรมได้ โดยแหล่งเพาะต้นอ่อนส่งขายตอนนี้มีอยู่หลายที่ อาทิ Facebook รู้จักกันดี ก็ต้อง "ไร่ลุงท๊อป" หมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี หรือ ถ้าต้องการขอรับคำปรึกษาและขั้นตอนการปลูก ก็ต้องเข้าไป Facebook: สวนผักคนเมือง และยังมีหลายเว็บ ที่พร้อมจะให้ข้อมูล

“ลุงท๊อป” เล่าว่า เขาได้ทำธุรกิจจำหน่ายเมล็ดทานตะวันงอก และต้นอ่อนทานตะวันมาได้ปีนี้ก็เข้าปีที่ 3 ผลตอบรับดีมาก มีลูกค้า และร้านอาหารในย่านใกล้เคียงสนใจสั่งซื้อ ต้นอ่อนนำไปทำเมนูอาหารขายให้กับลูกค้า โดยในส่วนของราคาต้นอ่อนจำหน่ายกิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนเมล็ดทานตะวันเพื่อนำไปเพาะเอง กิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่ง เมล็ดทานตะวัน 1 กิโลกรัม จะได้ต้นอ่อน 4-5 กิโลกรัม ปัจจุบันลูกค้าไร่ลุงท๊อป มีอยู่ทั่วประเทศ โดยเมล็ดทานตะวันที่นำมาจำหน่ายมาจากไร่ของลุงเอง ส่วนสายพันธุ์ มีหลากหลาย แต่เป็นของไทยทั้งหมด เพราะเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา  สนใจ www.facebook.com/ไร่ลุงท๊อป 
หลังจากเริ่มงอกรออีก 4-5 วันตัดจำหน่ายได้
ต้นอ่อนเมล็ดทานตะวัน ในแบบฉบับ OTOP 
“นภัส ดาตะเกษ” เกษตรกรผู้เพาะต้นอ่อนทานตะวันจำหน่าย เล่าให้ฟังว่า เริ่มเพาะต้นอ่อนทานตะวันตั้งแต่ปี 2553 เกิดจากเพื่อนแนะนำเมนูต้นอ่อนทานตะวันให้กินที่ร้านอาหารที่เขาใหญ่ และเกิดชื่นชอบ เพื่อนบอกว่า สามารถเพาะได้เองง่ายๆ และได้เรียนรู้การเพาะต้นอ่อน และกลายเป็นผักสวนครัวประจำบ้าน พอมีประสบการณ์ เห็นว่ามีช่องทางการขายได้ ก็เลยตัดสินใจทำขายเป็นอาชีพ และเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ได้นำต้นอ่อนมาจำหน่าย ในงาน OTOP ที่เมืองทอง ผลตอบรับดีมาก คนมาร่วมงานต่างให้ความสนใจ สอบถาม ความรู้ วิธีการเพาะ และซื้อกลับบ้านไปทำกินกัน หลังจากได้รับการตอบรับที่ดี กลับมาทำอย่างจริงจัง มีการปรับปรุงโรงเรือนใหม่ เพื่อให้สามารถเพาะได้จำนวนมากขึ้น และมีการขยายตลาดให้กว้างขึ้น ปัจจุบัน ต้นอ่อนทานตะวันอยู่ในกระแสความนิยมกลุ่มของคนรักษ์สุขภาพ เพราะเป็นผักปลอดสารพิษ และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 

ผลผลิต : เมล็ดทานตะวัน 1 กิโลกรัม จะเพาะในตระกร้าได้ 12 ตะกร้า และใน 1 ตะกร้าจะได้ต้นอ่อนประมาณ 1 กิโลกรัม นำไปแบ่งใส่ถุงๆละ 150 กรัม ได้ประมาณ 7 ถุง จำหน่ายถุงละ 35-40 บาท การเก็บรักษาถ้าเก็บในตู้เย็นอยู่ได้นาน 7 วัน

การตลาด : นภัส บอกว่า ปัจจุบันขายให้กับลูกค้าในเมือง และลูกค้าเข้ามาซื้อโดยตรง โดยส่วนตัวนภัสบอกว่า รู้สึกดีกับอาชีพนี้ เพราะลงทุนต่ำ และให้ผลตอบแทนที่ดี และยังได้ผลิตอาหารที่ปลอดสารพิษให้กับทุกคนได้กิน
 
โทร. 08-3855-6831

ขั้นตอนการเพาะต้นอ่อน

การเพาะต้นอ่อนมีหลายวิธี ที่นำเสนอครั้งนี้ มาจากสวนผักคนเมือง

1. เตรียมวัสดุเพาะ ได้แก่ขุยมะพร้าวร่อน 4 ส่วน ขี้เถ้าแกลบร่อน 1 ส่วน หรือจะใช้ขุยมะพร้าวร่อน กับดินร่อน 1 ต่อ 1 ก็ได้ นำมาผสมให้เข้ากัน
2. แช่เมล็ดทานตะวันในน้ำอุ่นทิ้งไว้ 1 คืน หรืออย่างน้อย 8 ชั่วโมง
3. นำวัสดุปลูกใส่ภาชนะ เช่นตะกร้าขนมจีน หรือตะกร้าที่มีตาถี่ หากไม่มีก็สามารถใช้ภาชนะปลูกอะไรก็ได้ แต่ขอให้มีรูระบายน้ำ โดยแนะนำให้ใส่วัสดุเพาะประมาณ ¾ ส่วนของภาชนะ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
4. โรยเมล็ดทานตะวันที่แช่น้ำแล้ว เกลี่ยให้ทั่วแล้วโรยขุยมะพร้าวที่เหลือกลบด้านหน้าเล็กน้อย รดน้ำให้ชุ่มอีกครั้ง
นำไปวางไว้ในที่ร่ม รดน้ำเช้า-เย็น อดใจรอประมาณ 4-5 วันก็สามารถตัดมากินได้ แต่เมล็ดทานตะวันจะงอกได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นถ้าติดใจก็ต้องเตรียมเพาะกันใหม่อีกรอบ
ขอฝากไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือ  ใครที่อยากจะลองกินเมล็ดทานตะวันเพาะงอก เวลาไปหาซื้อเมล็ดพันธุ์ก็ขอให้พิถีพิถันสักหน่อย คือให้เลือกเมล็ดทานตะวันที่ไม่มีการเคลือบหรือคลุกยากันแมลงมา วิธีดูก็สังเกตสี โดยปกติเมล็ดจะเป็นสีดำ แต่ถ้าคลุกยาเราก็มักจะเห็นเป็นสีออกขาวๆ หากนำมาเพาะกินก็อาจเป็นอันตรายได้นะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

ส่วนเรื่องเมนูอาหาร  สุดเเท้เเต่ใครจะสร้างสรรค์เลยค่ะ ต้นอ่อนเมล็ดงอกเหล่านี้สามารถกินได้ทั้งเเบบสด คือกินเเนมกับน้ำพริก กินกับน้ำสลัด หรือจะนำไปลวก ไปต้มจืด ไปผัก ไปเเกงก็ได้ทั้งนั้น

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น